คอลัมน์ ตลาดทุนไทยในสายตาต่างชาติ
โดยบริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด
หลายวันที่ผ่านมาของผมค่อนข้างจะยุ่งกับภารกิจในการย้ายสำนักงาน (จริงๆ แล้วย้ายงานมากกว่า) อันเนื่องมาจากผมมีความต้องการที่จะออกมาทำธุรกิจส่วนตัวด้านการฝึกอบรม จึงทำให้ตัดสินใจลาออกจากบริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการสำนักงาน เพื่อใช้เวลาว่างมาเทรดทำกำไรให้กับตัวเองบ้าง แต่เนื่องจากความผูกผันระหว่างผมกับน้องๆ ที่บริษัทฯ ทีค่อนข้างมาก ทำให้ผมไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากชวน น้องเกือบทั้งบริษัทฯ ก็พร้อมใจกันยกขบวนกันลาออก เพื่อมาช่วยผมทำงานที่บริษัทใหม่ ซึ่งผมเป็นเจ้าของเอง
หลายคน อาจกล้าๆ กลัวๆ กับการที่จะต้องเผชิญความเสี่ยงในการละทิ้งเงินเดือนประจำ (ของผมก็แค่ตัวเลขหกหลัก) ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของชีวิต แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่งก็คือ หากเราสามารถทำได้ กำไรก็จะเป็นของเราเกือบทั้งหมด ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาความสามารถของเราไปแลกกับความมั่นคง ซึ่งหากมองเป็นตัวเงินแล้ว อาจเทียบกันไม่ได้เลยสักนิด (โดยส่วนใหญ่ บริษัทฯ มักใช้เกณฑ์ที่ว่า หากจ่ายเงินเดือนให้เรา 1 แสนบาท บริษัทฯ ควรได้ผลประโยชน์ หรืองานจากเราที่มีมูลค่าเท่ากับ หรือ มากกว่า 1,000,000 บาท)
ในกรณีการลงทุนของนักลงทุน หรือ นักเก็งกำไรทั่วไปนั้น ก่อนที่จะลงทุน เราก็ควรที่จะกำหนดกรอบจำนวนกำไรที่คาดว่าจะได้ และ จำนวนขาดทุนที่เรายอมรับเช่นกัน โดยจำนวนกำไรที่เราคาดว่าจะได้นั้น จะมาจากไหน อะไรเป็นเหตุผลรองรับว่าจะตลาดฯ จะเคลื่อนที่ไปตามที่เราคาด (ห้ามหลอกหรือเข้าข้างตัวเองโดยเด็ดขาด)
อัตราส่วนในการทำกำไรเมื่อต้องการเข้า-ออก ตลาด ควรตั้งอัตราส่วนระหว่าง Reward และ Risk ให้สูงกว่า 3 เท่า (แนวโน้มในโอกาสการทำกำไร มีมากกว่าโอกาสขาดทุน 3 เท่า) แต่ถ้าจะให้ดี ควรจะอยู่ที่ 5 เท่า จะเหมาะสมกว่า
สำหรับแนวโน้มของตลาดทั่วโลก ณ ปัจจุบัน นั้น โดยภาพรวมมีการเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway ซึ่งยากต่อการทำกำไร หรือ ทำได้แต่อาจน้อยมาก จนไม่คุ้มที่จะลงทุน ดังนั้น สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ควรที่จะเฝ้าระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในทองคำ การลงทุนในหุ้น (ความเสี่ยงสูง) และ การลงทุนในตลาดล่วงหน้า
แต่หากใครต้องการที่จะคงการลงทุนไว้อยู่นั้น ราคาทองคำ ณ ปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,125 USD ก่อน ที่จะปรับตัวลงเป็นรอบสั้นๆ ส่วน หุ้นนั้น ไม่แนะนำให้ซื้อ-ขาย กันมากนัก เพราะมีความเสี่ยงต่อการขาดทุน และอาจเข้าไปหาหุ้นราคาต่ำกว่า 10 บาท แล้ว ซื้อ-ขาย ทำกำไรรายวันแทน (ดูตัวอย่างได้ที่ www.technicalday.com) หากต้องการเข้าทำกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้า เช่น SET50 Index Futures นั้น ณ ปัจจุบัน ผมยังไม่แนะนำเนื่องจากมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมากครับ
โดยบริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด
หลายวันที่ผ่านมาของผมค่อนข้างจะยุ่งกับภารกิจในการย้ายสำนักงาน (จริงๆ แล้วย้ายงานมากกว่า) อันเนื่องมาจากผมมีความต้องการที่จะออกมาทำธุรกิจส่วนตัวด้านการฝึกอบรม จึงทำให้ตัดสินใจลาออกจากบริษัท เน็กซ์วิว (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการสำนักงาน เพื่อใช้เวลาว่างมาเทรดทำกำไรให้กับตัวเองบ้าง แต่เนื่องจากความผูกผันระหว่างผมกับน้องๆ ที่บริษัทฯ ทีค่อนข้างมาก ทำให้ผมไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากชวน น้องเกือบทั้งบริษัทฯ ก็พร้อมใจกันยกขบวนกันลาออก เพื่อมาช่วยผมทำงานที่บริษัทใหม่ ซึ่งผมเป็นเจ้าของเอง
หลายคน อาจกล้าๆ กลัวๆ กับการที่จะต้องเผชิญความเสี่ยงในการละทิ้งเงินเดือนประจำ (ของผมก็แค่ตัวเลขหกหลัก) ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของชีวิต แต่ถ้ามองในอีกแง่หนึ่งก็คือ หากเราสามารถทำได้ กำไรก็จะเป็นของเราเกือบทั้งหมด ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาความสามารถของเราไปแลกกับความมั่นคง ซึ่งหากมองเป็นตัวเงินแล้ว อาจเทียบกันไม่ได้เลยสักนิด (โดยส่วนใหญ่ บริษัทฯ มักใช้เกณฑ์ที่ว่า หากจ่ายเงินเดือนให้เรา 1 แสนบาท บริษัทฯ ควรได้ผลประโยชน์ หรืองานจากเราที่มีมูลค่าเท่ากับ หรือ มากกว่า 1,000,000 บาท)
ในกรณีการลงทุนของนักลงทุน หรือ นักเก็งกำไรทั่วไปนั้น ก่อนที่จะลงทุน เราก็ควรที่จะกำหนดกรอบจำนวนกำไรที่คาดว่าจะได้ และ จำนวนขาดทุนที่เรายอมรับเช่นกัน โดยจำนวนกำไรที่เราคาดว่าจะได้นั้น จะมาจากไหน อะไรเป็นเหตุผลรองรับว่าจะตลาดฯ จะเคลื่อนที่ไปตามที่เราคาด (ห้ามหลอกหรือเข้าข้างตัวเองโดยเด็ดขาด)
อัตราส่วนในการทำกำไรเมื่อต้องการเข้า-ออก ตลาด ควรตั้งอัตราส่วนระหว่าง Reward และ Risk ให้สูงกว่า 3 เท่า (แนวโน้มในโอกาสการทำกำไร มีมากกว่าโอกาสขาดทุน 3 เท่า) แต่ถ้าจะให้ดี ควรจะอยู่ที่ 5 เท่า จะเหมาะสมกว่า
สำหรับแนวโน้มของตลาดทั่วโลก ณ ปัจจุบัน นั้น โดยภาพรวมมีการเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway ซึ่งยากต่อการทำกำไร หรือ ทำได้แต่อาจน้อยมาก จนไม่คุ้มที่จะลงทุน ดังนั้น สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ควรที่จะเฝ้าระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในทองคำ การลงทุนในหุ้น (ความเสี่ยงสูง) และ การลงทุนในตลาดล่วงหน้า
แต่หากใครต้องการที่จะคงการลงทุนไว้อยู่นั้น ราคาทองคำ ณ ปัจจุบัน มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1,125 USD ก่อน ที่จะปรับตัวลงเป็นรอบสั้นๆ ส่วน หุ้นนั้น ไม่แนะนำให้ซื้อ-ขาย กันมากนัก เพราะมีความเสี่ยงต่อการขาดทุน และอาจเข้าไปหาหุ้นราคาต่ำกว่า 10 บาท แล้ว ซื้อ-ขาย ทำกำไรรายวันแทน (ดูตัวอย่างได้ที่ www.technicalday.com) หากต้องการเข้าทำกำไรในตลาดซื้อขายล่วงหน้า เช่น SET50 Index Futures นั้น ณ ปัจจุบัน ผมยังไม่แนะนำเนื่องจากมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมากครับ