ไทยสมุทรประกันชีวิตหวังปีหน้า เศรษฐกิจฟื้น ส่งอานิสงส์ดอกเบี้ยขยับ ดันผลตอบแทนสูงขึ้น เล็งเพิ่มพอร์ตลงทุนสินเชื่อเช่าซื้อรองรับ
นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานลงทุน บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของบริษัทมีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยในส่วนนี้ มีสัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้สูงที่สุดประมาณ 30-40% ซึ่งมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก ในขณะที่การลงทุนในหุ้น มีอยู่ประมาณ 2% หรือคิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากภาวะการลงทุนเอื้อก็มีโอกาสที่เราจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากขึ้น
สำหรับพอร์ตสินเชื่อ ปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 15% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพอร์ตสินเชื่ออสังหาริทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเมนต์ โรงแรม หรือคอนโดมีเนียม และรวมถึงการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย ส่วนพอร์ตลงทุนในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อ มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 10% ซึ่งในส่วนนี้ ถือว่าเป็นพอร์ตการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด โดยบริษัทเองมีแผนที่จะขยายสัดส่วนดังกล่าวให้เพิ่มขึ้นหลังจากนี้
สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ นางนุสรากล่าวว่า ผลการดำเนินงานล่าสุดในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีผลตอบแทนจากการลงทุนแล้วประมาณ 6.8% ซึ่งยอมรับว่าผลการดำเนินงานทั้งปีนี้คงต่ำกว่าปีที่แล้วที่ 7% แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเป้าหมายที่เราวาง เพราะเดิมที่เราเองคาดการณ์ว่าผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจจะแย่กว่านี้ แต่สุดท้ายก็ออกมาไม่ได้แย่กว่าที่คิด
ทั้งนี้ พอร์ตการลงทุนของบริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวจากทั้งเงินใหม่ที่เข้ามาและผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ทั้งนี้ ในปีหน้าเองเราเชื่อว่าผลตอบแทนจากการลงทุนของเราจะปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม เรายังเป็นห่วงเรื่องของปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า รวมถึงอาจจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และกระทบไปถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น
“ในเรื่องของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เชื่อว่าเราน่าจะได้ประโยชน์บ้าง โดยเฉพาะหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ก็จะทำให้ส่งผลดีต่อเรา ซึ่งในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้เอง ก็ต้องมีการจับจังหวะในการเข้าให้เหมาะสม เพราะธุรกิจประกันเองจะมีกระแสเงินสดไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”นางนุสรากล่าว
ด้านนายยิ่งยง นิลเสนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร กล่าวว่า สาเหตุที่พอร์ตการลงทุนในหุ้นมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากเรามองว่าตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงสูง และถึงแม้ว่าอาจจะเสียโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่ผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนอื่นๆของบริษัทเอง ก็สามารถรองรับภาระที่ต้องจ่ายให้กับลูกค้าได้
นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานลงทุน บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนของบริษัทมีอยู่ทั้งสิ้นประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยในส่วนนี้ มีสัดส่วนการลงทุนตราสารหนี้สูงที่สุดประมาณ 30-40% ซึ่งมีการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรรัฐวิสาหกิจเป็นหลัก ในขณะที่การลงทุนในหุ้น มีอยู่ประมาณ 2% หรือคิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 200 ล้านบาทเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากภาวะการลงทุนเอื้อก็มีโอกาสที่เราจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากขึ้น
สำหรับพอร์ตสินเชื่อ ปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 15% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพอร์ตสินเชื่ออสังหาริทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ทเมนต์ โรงแรม หรือคอนโดมีเนียม และรวมถึงการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย ส่วนพอร์ตลงทุนในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อ มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 10% ซึ่งในส่วนนี้ ถือว่าเป็นพอร์ตการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด โดยบริษัทเองมีแผนที่จะขยายสัดส่วนดังกล่าวให้เพิ่มขึ้นหลังจากนี้
สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ นางนุสรากล่าวว่า ผลการดำเนินงานล่าสุดในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีผลตอบแทนจากการลงทุนแล้วประมาณ 6.8% ซึ่งยอมรับว่าผลการดำเนินงานทั้งปีนี้คงต่ำกว่าปีที่แล้วที่ 7% แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นผลการดำเนินงานที่ดีกว่าเป้าหมายที่เราวาง เพราะเดิมที่เราเองคาดการณ์ว่าผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจจะแย่กว่านี้ แต่สุดท้ายก็ออกมาไม่ได้แย่กว่าที่คิด
ทั้งนี้ พอร์ตการลงทุนของบริษัทมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวจากทั้งเงินใหม่ที่เข้ามาและผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน ทั้งนี้ ในปีหน้าเองเราเชื่อว่าผลตอบแทนจากการลงทุนของเราจะปรับตัวดีขึ้น จากแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม เรายังเป็นห่วงเรื่องของปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า รวมถึงอาจจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และกระทบไปถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้น
“ในเรื่องของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล เชื่อว่าเราน่าจะได้ประโยชน์บ้าง โดยเฉพาะหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ก็จะทำให้ส่งผลดีต่อเรา ซึ่งในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้เอง ก็ต้องมีการจับจังหวะในการเข้าให้เหมาะสม เพราะธุรกิจประกันเองจะมีกระแสเงินสดไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”นางนุสรากล่าว
ด้านนายยิ่งยง นิลเสนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานกลยุทธ์และพัฒนาองค์กร กล่าวว่า สาเหตุที่พอร์ตการลงทุนในหุ้นมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากเรามองว่าตลาดหุ้นยังมีความเสี่ยงสูง และถึงแม้ว่าอาจจะเสียโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ค่อนข้างสูง แต่ผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนอื่นๆของบริษัทเอง ก็สามารถรองรับภาระที่ต้องจ่ายให้กับลูกค้าได้