ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลเบิกตัว “สิริพงศ์” มือฆ่าสองแม่ลูก สอบคำให้การ รับเพียง 3 ข้อหาหลัก "ฆ่าผู้อื่น-ซ่อนเร้นทำลายศพ-พาอาวุธปืน" ส่วน "อนาจารเด็กหญิง" ให้การปฏิเสธ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานอีกครั้ง 25 ม.ค.นี้
วานนี้ (9 พ.ย.) ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ศาลนัดสอบคำให้การในคดีหมายเลขดำ อ.4099/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสิริพงศ์ หรือใหญ่ กาญจนนิวิฐ หรือกาญนชมพู อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานขับรถแท็กซี่ เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน,หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นไม่ยินยอม,ซ่อนเร้นหรือย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
หลังจากอัยการยื่นฟ้องนายสิริพงศ์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พ.ย.52 โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.52 เวลา 24.00 น.จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ ยิงนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ หรือมาคิโน่ อายุ 38 ปี และ ด.ช.โช มาคิโน่ อายุ 5 ปี บุตรชาย ถึงแก่ความตาย และยิง ด.ญ.พิชญา หรือน้องมินท์ จงงามวิไล อายุ 13 ปี บุตรสาวนางสุนันท์ได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกับลักทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทจำนวน 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น พระเครื่องเลี่ยมทองจำนวน 3 องค์ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ฝังเพชร จำนวน 1 เรือน และธนบัตรญี่ปุ่นจำนวน 16,000 เยน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 246,180 บาท ของนางสุนันท์ไป ก่อนนำตัว ด.ญ.พิชญา ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวที่ห้องเลขที่ 353/33 บ้านเอื้ออาทร คอนโดมีเนียม ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แล้วกระทำอนาจาร ด.ญ.พิชญา จากนั้นใช้มีดหั่นทำลายศพ ด.ช.โช ออกเป็นชิ้นจำนวน 12 ชิ้น ใส่ถุงขยะ 5 ใบไปทิ้งไว้ในซอยหมู่บ้านพิมาน แขวงบางละมาด เขตตลิ่งชัน กทม. อันเป็นการซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย ต่อมาวันที่ 13 ต.ค.52 จำเลยได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน
ศาลได้อธิบายคำฟ้องให้นายสิริพงศ์ทราบ แล้วสอบคำให้การจำเลยว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่านายสิริพงศ์แถลงขอให้การรับสารภาพ 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่อนเร้นหรือย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ส่วนข้อหาอื่นขอให้การปฏิเสธ พร้อมขอให้ศาลจัดหาทนายความให้ด้วย ซึ่งศาลนัดแถลงเปิดคดีและตรวจพยานหลักฐาน 25 ม.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
ภายหลังนายสิริพงศ์กล่าวผ่านลูกกรงห้องควบคุมตัวใต้ถุนศาลอาญาว่า ขอรับสารภาพ 3 ข้อหาเท่านั้น ส่วนข้อหาอื่นขอให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ ตนไม่มีหลักฐานอะไร ที่ผ่านมาความเป็นอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เป็นไปตามปกติ ทั้งกิจวัตรประจำวัน และการร่วมกิจกรรมต่างๆ ส่วนญาติพี่น้องไม่มีใครมาเยี่ยม ตนเองก็ไม่ต้องการให้ใครมาเยี่ยมเช่นกัน ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้น ยืนยันไม่ขอประกันตัวแน่นอน เพราะต้องการชดใช้กรรมที่ก่อไว้ ซึ่งในชั้นศาลตนไม่มีหลักฐานอะไรที่จะต่อสู้ทั้งนั้น ต่อข้อถามว่าต้องการขอโทษดวงวิญญาณนางสุนันท์หรือไม่ นายสิริพงศ์ ยิ้มที่มุมปากก่อนกล่าวว่าไม่อยากขอโทษ.
วานนี้ (9 พ.ย.) ที่ห้องเวรชี้ ศาลอาญา ศาลนัดสอบคำให้การในคดีหมายเลขดำ อ.4099/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสิริพงศ์ หรือใหญ่ กาญจนนิวิฐ หรือกาญนชมพู อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานขับรถแท็กซี่ เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธปืน,หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย,กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นไม่ยินยอม,ซ่อนเร้นหรือย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
หลังจากอัยการยื่นฟ้องนายสิริพงศ์ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 พ.ย.52 โดยคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.52 เวลา 24.00 น.จำเลยได้ใช้อาวุธปืนพกรีวอลเวอร์ ยิงนางสุนันท์ ศรีสุวรรณ หรือมาคิโน่ อายุ 38 ปี และ ด.ช.โช มาคิโน่ อายุ 5 ปี บุตรชาย ถึงแก่ความตาย และยิง ด.ญ.พิชญา หรือน้องมินท์ จงงามวิไล อายุ 13 ปี บุตรสาวนางสุนันท์ได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกับลักทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทจำนวน 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 1 เส้น พระเครื่องเลี่ยมทองจำนวน 3 องค์ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโรเล็กซ์ฝังเพชร จำนวน 1 เรือน และธนบัตรญี่ปุ่นจำนวน 16,000 เยน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 246,180 บาท ของนางสุนันท์ไป ก่อนนำตัว ด.ญ.พิชญา ไปกักขังหน่วงเหนี่ยวที่ห้องเลขที่ 353/33 บ้านเอื้ออาทร คอนโดมีเนียม ถนนตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี แล้วกระทำอนาจาร ด.ญ.พิชญา จากนั้นใช้มีดหั่นทำลายศพ ด.ช.โช ออกเป็นชิ้นจำนวน 12 ชิ้น ใส่ถุงขยะ 5 ใบไปทิ้งไว้ในซอยหมู่บ้านพิมาน แขวงบางละมาด เขตตลิ่งชัน กทม. อันเป็นการซ่อนเร้นศพเพื่อปิดบังการตาย ต่อมาวันที่ 13 ต.ค.52 จำเลยได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน
ศาลได้อธิบายคำฟ้องให้นายสิริพงศ์ทราบ แล้วสอบคำให้การจำเลยว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่านายสิริพงศ์แถลงขอให้การรับสารภาพ 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ซ่อนเร้นหรือย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ส่วนข้อหาอื่นขอให้การปฏิเสธ พร้อมขอให้ศาลจัดหาทนายความให้ด้วย ซึ่งศาลนัดแถลงเปิดคดีและตรวจพยานหลักฐาน 25 ม.ค.นี้ เวลา 09.30 น.
ภายหลังนายสิริพงศ์กล่าวผ่านลูกกรงห้องควบคุมตัวใต้ถุนศาลอาญาว่า ขอรับสารภาพ 3 ข้อหาเท่านั้น ส่วนข้อหาอื่นขอให้การปฏิเสธ ทั้งนี้ ตนไม่มีหลักฐานอะไร ที่ผ่านมาความเป็นอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เป็นไปตามปกติ ทั้งกิจวัตรประจำวัน และการร่วมกิจกรรมต่างๆ ส่วนญาติพี่น้องไม่มีใครมาเยี่ยม ตนเองก็ไม่ต้องการให้ใครมาเยี่ยมเช่นกัน ส่วนเรื่องการประกันตัวนั้น ยืนยันไม่ขอประกันตัวแน่นอน เพราะต้องการชดใช้กรรมที่ก่อไว้ ซึ่งในชั้นศาลตนไม่มีหลักฐานอะไรที่จะต่อสู้ทั้งนั้น ต่อข้อถามว่าต้องการขอโทษดวงวิญญาณนางสุนันท์หรือไม่ นายสิริพงศ์ ยิ้มที่มุมปากก่อนกล่าวว่าไม่อยากขอโทษ.