บลจ.นครหลวงไทยขายกองพันธบัตรเกาหลีเพิ่ม ล่าสุดเปิดใหม่อีก 3 กอง มั่นใจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการพักเงินระยะสั้น และล็อกผลตอบแทนระยะยาว
นายไตรพิชิต วัฒนวิจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะทำการเปิดเสนอขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตร หรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้เพิ่มอีก 3 กองทุน มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท ได้แก่ กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1Y9M3/09 อายุประมาณ 1 ปี 9 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 9 เดือน2/09 อายุประมาณ 9 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และกองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน4/09อายุประมาณ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
สำหรับ นโยบายการลงทุนกองทุน NKT FFI1Y9M3/09 เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะยาว AA จากสถาบัน Fitch Rating ในส่วนของกองทุน NKT FFI9M2/09 และกองทุน NKT FFI3M4/09 เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะสั้น F-1 จากสถาบัน Fitch Rating โดยลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
"กองทุนทั้ง 3 กองถือเป็นกองทุนที่นักลงทุนสามารถเลือกได้ทั้งตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อให้นักลงทุนไว้พักเงิน และตราสารหนี้ระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าที่อื่น ๆ โดยมีอัตราผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี 2.25% ต่อปี และอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่าย 0.40%) ตามลำดับ"นายไตรพิชิตกล่าว
นายไตรพิชิต กล่าวอีกว่า ในส่วนของภาวะตลาดอัตราผลตอบแทนในการลงทุนในตลาดพันธบัตรเกาหลีใต้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนในรูปเงินบาท ยังมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดคาดว่าธนาคารชาติเกาหลีใต้จะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ และทางธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการนำมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนมาใช้ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่วิตกกังวลเรื่องดังกล่าว จึงหันกลับมาลงทุนในตลาดเกาหลีใต้อีกครั้ง ส่งผลให้มีนักลงทุนชาติต่าง ๆ สนใจเข้ามาลงทุนในตลาดเงินเกาหลีใต้มากขึ้น โดยสะท้อนจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินวอน ต่อ สกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบให้อัตราผลตอบแทนในพันธบัตรเกาหลีใต้ มีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว จากความต้องการของนักลงทุนต่างประเทศ และแนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ทำให้มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าประเทศเกาหลีใต้จำนวนมาก สภาพคล่องในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ในเกาหลีใต้จึงมีมากขึ้น ความต้องการเงินตราต่างประเทศสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ (USD) มีน้อยลง จึงส่งผลให้ต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินวอน (KRW) กับดอลล่าร์สหรัฐ (USD) มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับกำไรส่วนเพิ่มจากค่าป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน USD/THB (ค่า FX Premium) มีการปรับตัวลงเช่นกัน
นายไตรพิชิต วัฒนวิจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะทำการเปิดเสนอขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตร หรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้เพิ่มอีก 3 กองทุน มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท ได้แก่ กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1Y9M3/09 อายุประมาณ 1 ปี 9 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท กองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 9 เดือน2/09 อายุประมาณ 9 เดือน มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และกองทุนเปิดนครหลวงไทย ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน4/09อายุประมาณ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท
สำหรับ นโยบายการลงทุนกองทุน NKT FFI1Y9M3/09 เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะยาว AA จากสถาบัน Fitch Rating ในส่วนของกองทุน NKT FFI9M2/09 และกองทุน NKT FFI3M4/09 เน้นลงทุนใน Korea Monetary Stabilization Bond (MSB) และ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งเป็นตราสารหนี้พันธบัตรรัฐบาลและ/หรือสถาบันการเงินประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารระยะสั้น F-1 จากสถาบัน Fitch Rating โดยลงทุนในสัดส่วนประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
"กองทุนทั้ง 3 กองถือเป็นกองทุนที่นักลงทุนสามารถเลือกได้ทั้งตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อให้นักลงทุนไว้พักเงิน และตราสารหนี้ระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าที่อื่น ๆ โดยมีอัตราผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี 2.25% ต่อปี และอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่าย 0.40%) ตามลำดับ"นายไตรพิชิตกล่าว
นายไตรพิชิต กล่าวอีกว่า ในส่วนของภาวะตลาดอัตราผลตอบแทนในการลงทุนในตลาดพันธบัตรเกาหลีใต้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนในรูปเงินบาท ยังมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดคาดว่าธนาคารชาติเกาหลีใต้จะไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปีนี้ และทางธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือเรื่องการนำมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนมาใช้ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่วิตกกังวลเรื่องดังกล่าว จึงหันกลับมาลงทุนในตลาดเกาหลีใต้อีกครั้ง ส่งผลให้มีนักลงทุนชาติต่าง ๆ สนใจเข้ามาลงทุนในตลาดเงินเกาหลีใต้มากขึ้น โดยสะท้อนจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงินวอน ต่อ สกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลกระทบให้อัตราผลตอบแทนในพันธบัตรเกาหลีใต้ มีการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว จากความต้องการของนักลงทุนต่างประเทศ และแนวโน้มค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง ทำให้มีเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าประเทศเกาหลีใต้จำนวนมาก สภาพคล่องในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ในเกาหลีใต้จึงมีมากขึ้น ความต้องการเงินตราต่างประเทศสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ (USD) มีน้อยลง จึงส่งผลให้ต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินวอน (KRW) กับดอลล่าร์สหรัฐ (USD) มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับกำไรส่วนเพิ่มจากค่าป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน USD/THB (ค่า FX Premium) มีการปรับตัวลงเช่นกัน