xs
xsm
sm
md
lg

จีนยังแรงจีดีพีไตรมาส3พุ่ง8.9% จับตา"เงินเฟ้อ--หนี้"แนะทยอยลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.อเบอร์ดีน ชี้ เศรษฐกิจจีนยังร้อนแรงหลังจีดีพีไตรมาส 3 ออกมาอยู่ที่ 8.9% จากมาตรการกระตุ้น แต่ต้องจับตาในเรื่องเงินเฟ้อและหนี้ของภาครัฐ แนะนักลงทุนทรอยลงทุน แม้ตลาดจีนจะแกว่งแต่ถือเป็นโอกาสที่ดี

นายกฤษฏิ์ จุติไมตรี ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน (ไทย) จำกัด กล่าวว่า จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน (Real GDP Growth) ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2552 ซึ่งขยายตัวอยู่ที่ระดับ 8.9% นั้น เป็นผลมาจากการที่รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศในช่วงที่ผ่านมา เพื่อให้เศรษฐกิจคงการเติบโตไว้ที่ระดับ 8% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวที่ออกมานี้ถือว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในโลก แต่จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นมีผลที่ตามมาด้วยเช่นกัน เพราะการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบจำนวนมากนั้นส่งให้เกิดหนี้ในระบบมากขึ้น และจะอาจจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมาได้ ซึ่งต้องจับตาดูกันว่ารัฐบาลจีนจะดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร
ทั้งนี้ ในช่วงระยะที่ผ่านมามีเม็ดเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นของจีนมากขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นไปมาก แต่เมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจของจีนนั้นไม่ได้เป็นการเติบโตอย่างแท้จริง ตลาดจึงตกลงมาในระยะหลังนี้ ดังนั้นตลาดหุ้นของจีนในระยะต่อจากนี้ไป จะไม่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างหวือหวาเหมือนที่ผ่านมา แต่ในระยะยาวแล้วยังเติบโตต่อไปได้ดีอย่างแน่นอน เพราะยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศอีกมาที่ยังส่งเสริมการเติบโตในระยะยาว
"ตลาดหุ้นจีนอาจจะมีการแกว่งตัวบ้าง แม้ว่าจะมีการปรับตัวลงมาบ้างก็ให้ถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุน และในระยะยาวแล้วหุ้นจีนยังวิ่งไปในทิศทางที่ดีอยู่ ดังนั้น จึงอยากแนะะนำให้นักลงทุนทยอยลงทุนในตลาดจีน" นายกฤษฏิ์ กล่าว
ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของสถาบันวิจัยนครหลวงไทย ระบุว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน (Real GDP Growth) ในช่วง ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ขยายตัวมากที่สุดในรอบ 4 ไตรมาส ที่ระดับ 8.9% ปรับตัวใกล้เคียงกับที่ตลาดมีการคาดการณ์ไว้ที่ 9.0% และยังเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 ในรอบปี หลังจากที่ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี GDP ของจีนอยู่ที่ 6.1% และ 7.9% ตามลำดับ ส่งผลให้โดยรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2552 ตัวเลข GDP โดยรวมของจีนเมื่อเทียบกับในปีก่อนหน้า ขยายตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 7.7%
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ของเศรษฐกิจจีนในช่วงที่เหลือของปี จะเริ่มมีการชะลอการปรับฟื้นตัวขึ้นในอัตราเร่งลง เนื่องจากรัฐบาลจีนจะเริ่มมีการกลับเข้ามาควบคุมภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ให้มีการฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังจากที่ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งในภาพรวมของเศรษฐกิจจีนได้มีสัญญาณของการเกิดภาวะฟองสบู่ (Bubble-Economy) มากขึ้น เนื่องจากมีการกระจุกตัวของภาคการลงทุนในเพียงธุรกิจบางชนิด อย่างในด้านของอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมเหล็ก ฯลฯ ซึ่งจะสังเกตได้อย่างชัดเจนจากอัตราการปล่อยกู้ในสินเชื่อรายใหม่ของทางธนาคารพาณิชย์ ในช่วง 2-3 เดือนหลังที่ผ่านมา ที่มีการชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
กำลังโหลดความคิดเห็น