กบข.เผยสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวครึ่งปีหลัง ดันผลตอบแทนการลงทุนตลาดหุ้น-ตลาดตราสารหนี้ขยับ
นางสาววริยา ว่องปรีชา รองเลขาธิการสายบริหารงานสมาชิก รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจในหลายๆ ด้านที่ปรับตัวดีขึ้น และได้สร้างความเชื่อมั่นแก่ภาพรวมทางเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอยู่ที่ระดับ 46.1 ในเดือนสิงหาคม สูงขึ้นจากระดับ 45.0 ในเดือนกรกฎาคม เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 75.6 จาก 74.5 ในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้บางตัวมีสัญญาณแผ่วลง เช่น การผลิต เพราะมีการเร่งการผลิตในช่วงก่อนหน้า
สัญญาณเศรษฐกิจในหลายๆ ด้านที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้หลายหน่วยงานประเมินว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าจีดีพีในไตรมาส 4 ของปีนี้จะกลับมาเป็นบวก หลังจากที่ไตรมาสแรกของปีนี้ติดลบกว่าร้อยละ 7.1 และเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2 ติดลบลดลงเหลือร้อยละ 4.9
นางสาววริยา กล่าวว่า แม้สัญญาณเศรษฐกิจหลายด้านจะส่งสัญญาณฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งสะท้อนถึงตัวเลขผลการดำเนินงานของ กบข.ที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ให้ผลตอบแทนกว่าร้อยละ 7.8 หรือคิดเป็นเงินกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท แต่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเองยังมีความเปราะบาง ทำให้มีความจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยนที่มีการแข็งค่าอาจส่งผลกระทบกับภาพรวมการส่งออกของไทย และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ ส่งผลกระทบกับการลงทุนของ กบข.
อย่างไรก็ตาม ด้วยกรอบนโยบายการลงทุนของ กบข. ที่มีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย การบริหารความเสี่ยง และการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี
นางสาววริยา ว่องปรีชา รองเลขาธิการสายบริหารงานสมาชิก รักษาการ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดีขึ้น สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจในหลายๆ ด้านที่ปรับตัวดีขึ้น และได้สร้างความเชื่อมั่นแก่ภาพรวมทางเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุดจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอยู่ที่ระดับ 46.1 ในเดือนสิงหาคม สูงขึ้นจากระดับ 45.0 ในเดือนกรกฎาคม เช่นเดียวกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกันยายน ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 75.6 จาก 74.5 ในเดือนสิงหาคม อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้บางตัวมีสัญญาณแผ่วลง เช่น การผลิต เพราะมีการเร่งการผลิตในช่วงก่อนหน้า
สัญญาณเศรษฐกิจในหลายๆ ด้านที่ปรับตัวดีขึ้น ทำให้หลายหน่วยงานประเมินว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าจีดีพีในไตรมาส 4 ของปีนี้จะกลับมาเป็นบวก หลังจากที่ไตรมาสแรกของปีนี้ติดลบกว่าร้อยละ 7.1 และเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 2 ติดลบลดลงเหลือร้อยละ 4.9
นางสาววริยา กล่าวว่า แม้สัญญาณเศรษฐกิจหลายด้านจะส่งสัญญาณฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งสะท้อนถึงตัวเลขผลการดำเนินงานของ กบข.ที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ให้ผลตอบแทนกว่าร้อยละ 7.8 หรือคิดเป็นเงินกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท แต่ในช่วงที่เหลือของปีนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยเองยังมีความเปราะบาง ทำให้มีความจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ราคาน้ำมัน อัตราแลกเปลี่ยนที่มีการแข็งค่าอาจส่งผลกระทบกับภาพรวมการส่งออกของไทย และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ ส่งผลกระทบกับการลงทุนของ กบข.
อย่างไรก็ตาม ด้วยกรอบนโยบายการลงทุนของ กบข. ที่มีการกระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย การบริหารความเสี่ยง และการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าจะช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี