บลจ.ยูโอบีมั่นใจเอยูเอ็มปีนี้เข้าเป้า 57,000 – 58,000 ล้านบาท เตรียมคลอดกองบอนด์กิมจิ และทาร์เก็ตรีเทิร์นช่วยดันยอดสินทรัพย์ในช่วงไตรมาสสุดท้าย
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท (เอยูเอ็ม) ปีนี้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 57,000 – 58,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันสามารถทำเอยูเอ็มไปแล้ว 56,000 ล้านบาท และในช่วงที่เหลือของปีบริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่จำนวน 3 – 4 กองทุน โดยประกอบไปด้วยกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ และกองทุนประภททาร์เก็ตรีเทิร์นที่มีขนาดกองทุนแต่ละกอง 1,000 – 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตร คือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด และธนาคารยูโอบี เพื่อจัดแคมเปญ 'UOB Tax Smile' คาดว่าจะผลักดันให้ มูลค่าหน่วยลงทุน (เอ็นเอวี) ของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่รวมกันประมาณ 2,000 ล้านบาท มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 500 – 1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 30% โดยมีสัดส่วนการเติบโตที่ใกล้เคียงกันทั้ง 2 กองทุน ทั้งนี้จากยอดรวมเอ็นเอวีประมาณ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นฐานลูกค้าจากธนาคารยูโอบีมีสัดส่วน 80% ขายตรง 10% และมาจากตัวแทนจัดจำหน่าย 10%
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท (เอยูเอ็ม) ปีนี้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 57,000 – 58,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันสามารถทำเอยูเอ็มไปแล้ว 56,000 ล้านบาท และในช่วงที่เหลือของปีบริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่จำนวน 3 – 4 กองทุน โดยประกอบไปด้วยกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้ และกองทุนประภททาร์เก็ตรีเทิร์นที่มีขนาดกองทุนแต่ละกอง 1,000 – 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตร คือ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด และธนาคารยูโอบี เพื่อจัดแคมเปญ 'UOB Tax Smile' คาดว่าจะผลักดันให้ มูลค่าหน่วยลงทุน (เอ็นเอวี) ของกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีอยู่รวมกันประมาณ 2,000 ล้านบาท มีโอกาสเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 500 – 1,000 ล้านบาท หรือประมาณ 30% โดยมีสัดส่วนการเติบโตที่ใกล้เคียงกันทั้ง 2 กองทุน ทั้งนี้จากยอดรวมเอ็นเอวีประมาณ 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นฐานลูกค้าจากธนาคารยูโอบีมีสัดส่วน 80% ขายตรง 10% และมาจากตัวแทนจัดจำหน่าย 10%
