บลจ.ไอเอ็นจีมาแรง โชว์ผลงานกองทุนหุ้นสุดแจ่ม ซิวแชมป์กองทุน 3 ประเภท ทั้งกองหุ้น แอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟ ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นผลตอบแทนดีเต็มพอร์ตตั้งแต่ต้นปี เล็งเก็บหุ้นเพิ่มหลังดัชนีปรับฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวดีขึ้นมาโดยตลอดในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปรับตัวดีตามไปด้วย ทั้งนี้ จากการสำรวจผลการดำเนินงานล่าสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 60% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเดียวกันให้ผลตอบแทน 45.18%
โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด คือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ซึ่งให้ผลตอบแทน 60.83% ขณะเดียวกัน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ยังให้ผลตอบแทนตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยผลตอบแทน 56.23%
นอกจากนี้ กองทุนหุ้นของบลจ.ไอเอ็นจี ก็เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 2 อันดับแรก เช่นกัน โดยกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยอีควิตี้ ฟันด์ ให้ผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 8 เดือนอยู่ที่ 54.99% รองมาคือ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยอีควิตี้ ฟันด์ ปันผล ที่ให้ผลตอบแทน เพิ่มขึ้น 54.44%
ขณะเดียวกัน ยังโชว์ผลงานสร้างผลตอบแทนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ มาเป็นอันดับ 1 ของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ที่ลงทุนในหุ้น ด้วยผลตอบแทน 55.02%
ผู้บริหารบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ทั้ง 2 กองทุนของบริษัทผลงานดี เนื่องจากหุ้นที่เข้าไปลงทุนตั้งแต่ช่วงต้นปีสร้างผลตอบแทนค่อนข้างสูงแก่กองทุน ซึ่งถือว่าผู้จัดการกองทุนมองถูกทาง โดยก่อนเดือนมี.ค. 2552 เน้นลงทุนหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง และถือเงินสดอยู่ประมาณ 10% เพราะมองว่าตลาดหุ้นไม่ได้เลวร้ายมากนัก
“หลังเดือนมี.ค. กองทุนซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 95% ของพอร์ต ก่อนตลาดรวมจะขึ้นแรง ทำให้กองทุนได้รับผลดีจากหุ้นที่ถืออยู่ จนถึงขณะนี้เริ่มขายทำกำไรจนเหลือถือหุ้น 90% เพราะมองว่าในระยะสั้นดัชนีคงวิ่งไม่เกิน 670 จุด และหากดัชนีลงแถว 650 จุด ก็อาจเข้าไปรับใหม่ โดยปัจจุบันมีเงินสดในมือประมาณ 8-10% เพื่อรอซื้อหุ้น” ผู้บริหารบลจ.ไอเอ็นจี กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนหุ้น ทั้ง 2 กองทุนจะลงทุนหุ้นคล้ายกัน คือ ถือหุ้นพลังงานสูงสุด ธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์ ตามลำดับ โดยจ่ายเงินปันผลเฉพาะกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยอีควิตี้ ฟันด์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวดีขึ้นมาโดยตลอดในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปรับตัวดีตามไปด้วย ทั้งนี้ จากการสำรวจผลการดำเนินงานล่าสุด ณ สิ้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พบว่า กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ให้ผลตอบแทนสูงสุดถึง 60% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเดียวกันให้ผลตอบแทน 45.18%
โดยกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด คือ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ซึ่งให้ผลตอบแทน 60.83% ขณะเดียวกัน กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย บรรษัทภิบาล หุ้นระยะยาว ยังให้ผลตอบแทนตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยผลตอบแทน 56.23%
นอกจากนี้ กองทุนหุ้นของบลจ.ไอเอ็นจี ก็เป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 2 อันดับแรก เช่นกัน โดยกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยอีควิตี้ ฟันด์ ให้ผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 8 เดือนอยู่ที่ 54.99% รองมาคือ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยอีควิตี้ ฟันด์ ปันผล ที่ให้ผลตอบแทน เพิ่มขึ้น 54.44%
ขณะเดียวกัน ยังโชว์ผลงานสร้างผลตอบแทนกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ มาเป็นอันดับ 1 ของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ที่ลงทุนในหุ้น ด้วยผลตอบแทน 55.02%
ผู้บริหารบลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ทั้ง 2 กองทุนของบริษัทผลงานดี เนื่องจากหุ้นที่เข้าไปลงทุนตั้งแต่ช่วงต้นปีสร้างผลตอบแทนค่อนข้างสูงแก่กองทุน ซึ่งถือว่าผู้จัดการกองทุนมองถูกทาง โดยก่อนเดือนมี.ค. 2552 เน้นลงทุนหุ้นที่จ่ายเงินปันผลสูง และถือเงินสดอยู่ประมาณ 10% เพราะมองว่าตลาดหุ้นไม่ได้เลวร้ายมากนัก
“หลังเดือนมี.ค. กองทุนซื้อหุ้นเพิ่มเป็น 95% ของพอร์ต ก่อนตลาดรวมจะขึ้นแรง ทำให้กองทุนได้รับผลดีจากหุ้นที่ถืออยู่ จนถึงขณะนี้เริ่มขายทำกำไรจนเหลือถือหุ้น 90% เพราะมองว่าในระยะสั้นดัชนีคงวิ่งไม่เกิน 670 จุด และหากดัชนีลงแถว 650 จุด ก็อาจเข้าไปรับใหม่ โดยปัจจุบันมีเงินสดในมือประมาณ 8-10% เพื่อรอซื้อหุ้น” ผู้บริหารบลจ.ไอเอ็นจี กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนหุ้น ทั้ง 2 กองทุนจะลงทุนหุ้นคล้ายกัน คือ ถือหุ้นพลังงานสูงสุด ธนาคารพาณิชย์ และอสังหาริมทรัพย์ ตามลำดับ โดยจ่ายเงินปันผลเฉพาะกองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทยอีควิตี้ ฟันด์
