xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งเป้าปั๊มยอดไพรเวทฟันด์3หมื่นล้าน "ทิสโก้"ชูบริการ-ข้อมูลแน่นดึงลูกค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ทิสโก้ จับตลาด"กองทุนส่วนบุคคล" ใช้จุดเด่นเน้นให้ข้อมูลข่าวสาร-การบริการเอาใจกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะลงทุนต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้า AUM ไพรเวทฟันด์ โต 30,000 ล้านเเน่นอน

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวถึงการภาพรวมกองทุนส่วนบุคคล หรือ Praivat Fund ว่า ที่ผ่านมามีนักลงทุนสนใจเข้ามาเป็นลูกค้ากองทุนประเภทดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งนักลงทุนจะออกไปลงทุนต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ โดยปัจจุบันมีกองทุนส่วนบุคคลที่บลจ.ดูเเลอยู่ไปลงทุนต่างประเทศทั้งสิ้น 45 กองทุน เเเละมีเเนวโน้มว่าจะมีกองทุนส่วนบุคคลไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นด้วย
"การที่ลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลสนใจเเละเลือกเราให้ช่วยดูเเล Praivat Fund ที่จะไปลงทุนต่างประเทศน่าจะมาจากบลจ.มีความเชี่ยวชาญเเละมีกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ทั้งกองทุนหุ้นเเละกองทุนตราสารหนี้ที่ไปลงทุนต่างประเทศ จุดนี้เองทำให้ลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลให้ความไว้วางใจเเละมีเเนวโน้มว่า " นายธีรนาถ กล่าว
อย่างไรก็ตามลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลที่ให้บลจ.ทิสโก้บริหารให้นั้นจะเป็นลูกค้ากลุ่มบุคค เเละบริษัท เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทางบลจ.เองก็มีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาประมาณ 20 คน โดยเจ้าหน้าที่จะมีหน้าเเนะนำการจัดพอร์ตการลงทุน หรือเเนะนำการลงทุนที่เหมาะสม โดยเรามองว่าการให้บริการทั้งด้านข้อมูลเเละเทคนิคการลงทุนเป็นจุดเด่นของเรา นอกจากนี้เราได้เพิ่มสัดส่วนลูกค้าส่วนบุคคลขึ้นเป็น 30% จากเดิมที่เราเน้นลูกค้ากลุ่มสถาบัน 80% ทั้งนี้กองทุนส่วนบุคคลนั้นเหมาะกับกลุ่มนักลงทุนที่ต้องอิสระในการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนคอยให้คำปรึกษา นอกจากนี้ลูกค้าจะได้ประโยชน์เเละสิทธิทางภาษีพร้อมกับประหยัดค่าธรรมเนียมกองทุนอีกด้วย
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า ส่วนมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ AUMของกองทุนส่วนบุคคลที่ได้วางไว้ปีนี้อยู่ที่ 30,000 ล้านบาท โดยบลจ.เรามีแบ่งการตลาดอันดับ 2 ซึ่งอันดับ3 มีสินทรัพย์อยู่ที่ 29,000 ล้านบาท ซึ่งเรามั่นใจว่าปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางไว้ ส่วน AUM ของบลจ.อยู่ที่ประมาณ 16,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับต้นปี 2552 ที่ผ่านมาที่มี AUM อยู่ที่ประมาณ 14,000 ล้านบาท พบว่าปรับตัวขึ้นมาประมาณ 12.74% โดยมีเม็ดเงินใหม่เข้ามาแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เรามองว่าทั้งปี 2552 นี้ สินทรัพย์รวมน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20%
สำหรับเเผนการออกกองทุนรวมในช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือนี้ เราจะให้ความสำคัญไปที่กองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) เป็นหลั โดยจะเปิดขายกองทุนประเภทดังกล่าวอีก 2-3 กองทุน ซึ่งเทรนด์ในช่วงที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจในหลายประเทศอย่างเช่นสหรัฐฯได้ผ่านจุดต่ำสุดไปเเล้ว เราจึงมองว่าการลงทุนในต่างประเทศในช่วงเวลานี้ก็น่าจะเหมาะสม ซึ่งการลงทุน FIF จะเป็นการลงทุนเเบบ passive เป็นหลัก โดยอาจจะเป็นการลงทุนใน ETF ของต่างประเทศ ทั้งนี้เรามองว่านักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่เสี่ยงขึ้น เพื่อหาผลตอบเเทนที่ดีกว่าในช่วงที่ภาวะดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง ซึ่งต้องถือว่าการลงทุนในหุ้นกู้เป็นบันไดขั้นเเรกของนักลงทุนที่อยากลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
กำลังโหลดความคิดเห็น