xs
xsm
sm
md
lg

KTAMจับตาศก.โลกตัวแปรหุ้นไทย เเนะกลุ่ม"เเบงก์-ทรัพยากร"น่าลงทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 บลจ.กรุงไทย คาดไตรมาส 3 หุ้นไทยปรับตัวดีขึ้น มอง SET เเตะ  650 จุด เเต่ยังต้องจับตาปัยจัยทั้งภายนอกเเละภายใน โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ชูหุ้นกลุ่มทรัพยากรเเละกลุ่มการเงินยังน่าลงทุน เผลกลยุทธ์ลงทุน ทยอยทำกำไรหุ้นราคาแพงสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน

รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงเเนวโน้มการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ช่วงไตรมาสที่ 3 ว่า ความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งเเรกของปี ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนในเชื่อว่าวิกฤติเศรษฐกิจโลก ได้ผ่านพ้นช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดมาเเล้ว โดยในช่วงครึ่งหลังของปี ดัชนีตลาดหลักทรัพย์น่าจะสามารถปรับตัวขึ้นได้เล็กน้อย เเต่จะมีเเรงเทขายทำกำไรสลับเป็นระยะๆ เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลมาจากความคาดหวังของนักลงทุนต่อภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูง ประกอบกับสภาพคล่องทางการเงินที่มีอยู่ในระบบมาก

ในขณะทื่สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเเละผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนยังมีความไม่เเน่นอนสูง นอกจากนี้ ปัจจัยซึ่งคาดจะมีบทบาทสำคัญต่อภาวะการลงทุนในช่วงไตรมาสนี้ได้เเก่ เเนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีทวีความผันผวนมากยิ่งขึ้น
 โดยเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์เเห่งประเทศไทยไตรมาสที่ 3 จะอยู่ที่ระดับประมาณ 650 จุดเทียบกับ PER ในปี 2009 ที่ระดับ 13 เท่าเเละมีเป้าหมายสิ้นปีที่ดัชนีประมาณ 700 จุด เทียบกับ PER ในปี 2010 ที่ระดับ 12 เท่า ตามปัจจัยบวกเเละปัจจัยลบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2552 ตลาดอาจจะปรับตัวนอกเหนือจากช่วงที่คาดการณ์ได้โดยขึ้นอยู่กับสภาพคล่องเเละภาวะการเมืองภายในประเทศ

    ทั้งนี้ ปัจจัยที่กระทบต่อภาวะการลงทุนในไตรมาสที่ 3 ได้เเก่ ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญในประเทศสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น เเละประเทศจีน ที่จะทยอยประกาศออกมาว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้หรือไม่ ขณะที่สภาพคล่องทางการเงินที่มีอยู่มาก อันเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวระดับต่ำเป็นเวลานอน เเละการกระจายเม็ดเงินลงทุนที่เริ่มกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มมากขี้น

 นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกชะลอออกไป เเละปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองภายในประเทศ ก็เป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหาการประท้วงของกลุ่มการเมือง กลุ่มเกษตรกร เเละกลุ่มพนังงานรัฐวิสาหกิจที่เริ่มมีมากขึ้น
 สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นช่วงไตรมาสที่ 3 จะเน้นการลงทุนในกลุ่มหุ้นอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากเเนวโน้มฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ เนื่องจากเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น เช่นกลุ่มทรัพยากร เเละกลุ่มการเงิน

อย่างไรก็ตาม ยังมีการติดตามเเนวโน้มเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังต้องเน้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีสภาพคล่องสูง เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากการไหลเข้าของเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เเละกองทุนภายในประเทศที่เริ่มมีการกระจายการลงทุนเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากสภาพคล่อง (Liquidity Risk) เนื่องจากเเนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกอาจมีความเปราะบางเเละความไม่เเน่นอนสูง

 ขณะเดียวกัน ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาอย่างมาก ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ส่งผลให้หุ้นบางตัวมีราคาสูงกว่ามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน ดังนั้น จะทยอยปรับลดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมาโดยไม่สอดคล้องกับมูลค่าปัจจัยพื้นฐานเเละเเนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัท
กำลังโหลดความคิดเห็น