ชูจุดขายพันธบัตรเกาหลี ลงทุนสั้น ผลตอบแทนสูง ระบุบอนด์ตลาดเกิดใหม่น่าสน แต่ความเสี่ยงยังสูง "นครหลวงไทย" เดินหน้าต่อ ขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้อีก 2 กอง เอาใจนักลงทุนระยะสั้น 3 เดือนและ 6 เดือน ชูผลตอบแทนที่ 2.10% ต่อปี และ 2.40% ต่อปีตามลำดับ ด้านบลจ.บัวหลวง ส่ง 3 กองร่วมแชร์เงินออม ชูผลตอบแทนสูงสุดที่ 3.65% ต่อปี ไอพีโอถึง 3 ส.ค.นี้
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวถึง ความน่าสนใจของพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศว่า พันธบัตรในหลายประเทศมีความน่าสนใจในการที่จะเข้าไปลงทุน แต่ส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรที่ต้องถือในระยะยาว ซึ่งต่างจากพันธบัตรของประเทศเกาหลีใต้ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีและสามารถลงทุนในระยะสั้นๆได้ ดังนั้น เมื่อถือในระยะยาวจึงมีความเสี่ยงที่มากกว่า
ทั้งนี้ พันธบัตรในหลายประเทศรวมถึงในประเทศเกิดใหม่นั้นแม้ว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงอยู่ในขณะนี้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าไปลงทุนซึ่งต้องลงทุนผ่านกองทุนในต่างประเทศที่ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ขณะที่ยังมีปัญหาในเรื่องของภาษีด้วยเช่นกัน รวมถึงการยอมรับของนักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรของต่างประเทศซึ่งยังมีอยู่ไม่มาก
"ทาง บลจ. ยังคงติดตามของภาวะของพันธบัตรในต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในหลายประเทศนั้นน่าเข้าไปลงทุนแต่ก็มีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน" นายไพศาล กล่าว
นอกจากนี้ ยังกล่าวต่อว่า นักลงทุนในประเทศไทยยังไม่ให้ความสนใจในตราสารหนี้ต่างประเทศมากนัก เนื่องจากยังไม่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศมากนัก ดังนั้นคงต้องใช้เวลาจนกว่านักลงทุนในบ้านเราจะมีความรู้ความเข้าในเรื่องพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ
สำหรับการจำหน่ายกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ รุ่นที่ 21 มูลค่า 1,500 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม 2552 นั้น ทางบริษัทฯประสบความสำเร็จโดยได้รับความสนใจจากผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นจำนวนมาก สามารถขายหมดเต็มจำนวนโครงการตั้งแต่วันแรกที่ทำการเปิดเสนอขาย
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บลจ.นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า กระแสตอบรับกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ยังเป็นไปในทิศทางที่ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นในคุณภาพของตราสารและประเทศผู้ออกตราสาร และกองทุนมีความครอบคลุมทั้งการลงทุนระยะสั้นซึ่งไม่เกิน 1 ปี และระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ดังนั้น บริษัทจึงเปิดขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องพร้อมกัน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M11/09 (SCIINGI6M11/09) อายุประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี และกองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 3M2/09 (SCI INGI3M2/09) อายุประมาณ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ผลตอบแทนประมาณ 2.10% ต่อปี โดยจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) พร้อมกันตั้งแต่วันนี้ – 4 สิงหาคม 2552 นี้ และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 2,000 บาท
สำหรับกองทุนทั้ง 2 กอง จะเน้นลงทุนในพันธบัตรเกาหลี รุ่น Korea Monetary Stabilization Bond และ Korea Treasury Bond ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศผู้ออกตราสาร AA/F-1 จากสถาบัน Fitch Rating ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ นอกจากนี้กองทุนยังปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดายังไม่ต้องรับภาระเรื่องภาษีจากผลตอบแทน
นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเน้นการลงทุนระยะสั้นซึ่งไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้นักลงทุนจะได้มีเวลาในการพักเงินลงทุนและสำรองเงินลงทุนในการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวในอนาคต และยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาลในประเทศซึ่งมีอายุตราสารใกล้เคียงกัน
ด้าน บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเพิ่มขึ้นอีก 3 กองทุน ประกอบด้วย 1. กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 27/09 (BP27/09) 2. กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 28/09 (BP28/09) และ 3. บัวหลวงธนสารพลัส 29/09 (BP29/09) โดยเริ่มเปิดขายแล้วตั้งแต่วันนี้ – 3 สิงหาคม 2552 นี้
ทั้งนี้ กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 27/09 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประการอยู่ที่ 2.25% ส่วนกองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 28/09 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุประมาณ 12 เดือน โดยให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 2.65% และกองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 29/09 มีอายุประมาณ 24 เดือน ขนาดโครงการ 1,500 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.65% โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวเหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
โดยทั้ง 3 กองทุนมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (Foreign Investment Fund) โดยเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ หรือตราสารที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินต่างประเทศซึ่งผู้ออกหรือตราสารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ตั้งแต่ A- ขึ้นไป ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives contract) เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging)
นายไพศาล ครุฑดำรงชัย รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด กล่าวถึง ความน่าสนใจของพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศว่า พันธบัตรในหลายประเทศมีความน่าสนใจในการที่จะเข้าไปลงทุน แต่ส่วนใหญ่เป็นพันธบัตรที่ต้องถือในระยะยาว ซึ่งต่างจากพันธบัตรของประเทศเกาหลีใต้ที่ได้รับผลตอบแทนที่ดีและสามารถลงทุนในระยะสั้นๆได้ ดังนั้น เมื่อถือในระยะยาวจึงมีความเสี่ยงที่มากกว่า
ทั้งนี้ พันธบัตรในหลายประเทศรวมถึงในประเทศเกิดใหม่นั้นแม้ว่าจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงอยู่ในขณะนี้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเข้าไปลงทุนซึ่งต้องลงทุนผ่านกองทุนในต่างประเทศที่ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเอาไว้ขณะที่ยังมีปัญหาในเรื่องของภาษีด้วยเช่นกัน รวมถึงการยอมรับของนักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนในพันธบัตรของต่างประเทศซึ่งยังมีอยู่ไม่มาก
"ทาง บลจ. ยังคงติดตามของภาวะของพันธบัตรในต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในหลายประเทศนั้นน่าเข้าไปลงทุนแต่ก็มีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน" นายไพศาล กล่าว
นอกจากนี้ ยังกล่าวต่อว่า นักลงทุนในประเทศไทยยังไม่ให้ความสนใจในตราสารหนี้ต่างประเทศมากนัก เนื่องจากยังไม่มีความรู้ในเรื่องการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศมากนัก ดังนั้นคงต้องใช้เวลาจนกว่านักลงทุนในบ้านเราจะมีความรู้ความเข้าในเรื่องพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ
สำหรับการจำหน่ายกองทุนเปิดทหารไทย พันธบัตรเกาหลีใต้ รุ่นที่ 21 มูลค่า 1,500 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม - 4 สิงหาคม 2552 นั้น ทางบริษัทฯประสบความสำเร็จโดยได้รับความสนใจจากผู้ถือหน่วยลงทุนเป็นจำนวนมาก สามารถขายหมดเต็มจำนวนโครงการตั้งแต่วันแรกที่ทำการเปิดเสนอขาย
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บลจ.นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า กระแสตอบรับกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ยังเป็นไปในทิศทางที่ดี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นในคุณภาพของตราสารและประเทศผู้ออกตราสาร และกองทุนมีความครอบคลุมทั้งการลงทุนระยะสั้นซึ่งไม่เกิน 1 ปี และระยะยาวตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป ดังนั้น บริษัทจึงเปิดขายกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องพร้อมกัน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M11/09 (SCIINGI6M11/09) อายุประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ผลตอบแทนประมาณ 2.40% ต่อปี และกองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 3M2/09 (SCI INGI3M2/09) อายุประมาณ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ผลตอบแทนประมาณ 2.10% ต่อปี โดยจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) พร้อมกันตั้งแต่วันนี้ – 4 สิงหาคม 2552 นี้ และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 2,000 บาท
สำหรับกองทุนทั้ง 2 กอง จะเน้นลงทุนในพันธบัตรเกาหลี รุ่น Korea Monetary Stabilization Bond และ Korea Treasury Bond ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศผู้ออกตราสาร AA/F-1 จากสถาบัน Fitch Rating ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนโดยประมาณ 100% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ นอกจากนี้กองทุนยังปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดายังไม่ต้องรับภาระเรื่องภาษีจากผลตอบแทน
นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า ในสัปดาห์นี้บริษัทเน้นการลงทุนระยะสั้นซึ่งไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้นักลงทุนจะได้มีเวลาในการพักเงินลงทุนและสำรองเงินลงทุนในการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวในอนาคต และยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากและพันธบัตรรัฐบาลในประเทศซึ่งมีอายุตราสารใกล้เคียงกัน
ด้าน บลจ.บัวหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทกำลังเปิดขายกองทุนเพิ่มขึ้นอีก 3 กองทุน ประกอบด้วย 1. กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 27/09 (BP27/09) 2. กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 28/09 (BP28/09) และ 3. บัวหลวงธนสารพลัส 29/09 (BP29/09) โดยเริ่มเปิดขายแล้วตั้งแต่วันนี้ – 3 สิงหาคม 2552 นี้
ทั้งนี้ กองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 27/09 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท อายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งให้ผลตอบแทนประการอยู่ที่ 2.25% ส่วนกองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 28/09 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุประมาณ 12 เดือน โดยให้ผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 2.65% และกองทุนรวมบัวหลวงธนสารพลัส 29/09 มีอายุประมาณ 24 เดือน ขนาดโครงการ 1,500 ล้านบาท ส่วนผลตอบแทนประมาณการอยู่ที่ 3.65% โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวเหมาะสมกับเงินลงทุนส่วนที่ต้องการความมั่นคง และความเสี่ยงต่ำ เพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูงกว่าการฝากเงิน โดยไม่ต้องไปลงทุนในหุ้น ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
โดยทั้ง 3 กองทุนมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้มีมูลค่ารวมกันทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (Foreign Investment Fund) โดยเน้นลงทุนในตราสารภาครัฐต่างประเทศ หรือตราสารที่ออกโดยรัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินต่างประเทศซึ่งผู้ออกหรือตราสารได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ตั้งแต่ A- ขึ้นไป ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives contract) เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging)
