บลจ.นครหลวงไทยคงเป้าหมายเอยูเอ็มไว้ที่ 20,000 ล้านบาท ระบุแม้ตลาดไม่เอื้อก็ตาม ตั้งเป้าดันกองทุนใหม่ ลุยคอมมอดิตี หุ้นไทยครึ่งปีหลัง พร้อมสานต่อพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ และพร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ดันยอด
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ในปีนี้ไว้ที่ 20,000 ล้านบาทตามเดิม แม้ว่าจะมียากลำบากก็ตาม โดยจะพยายามออกกองทุนใหม่ และขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องด้วย รวมทั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) ได้แก่ กองทุนเปิดนครหลวงไทย Efficient Long-Short Commodity (LSCom) มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Citi COMET Index USD Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลัก ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Long – Short เพื่อหากำไรจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยยังอยู่ในระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2552 นี้
ส่วนกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย จะเป็นการลงทุนในระยะยาวประมาณ 3 ปี และเลือกลงทุนในหุ้นทีมีปัจจัยพื้นฐานดีเป็นหลัก โดยจะเป็นกองทุนที่เน้นเสนอขายให้แก่นักลงทุนประเภทสถาบันเท่านั้น ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการเปิดขาย (พรีเซลล์) และนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุน ขณะที่กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเอเชีย จะเป็นกองทุนที่มีการตั้งเป้าหมายผลตอบแทน (ทาร์เก็ต ฟันด์) ไว้ที่ 10 – 15% คาดว่าจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกประมาณเดือนสิงหาคม 2552
นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการออกกิจกรรมส่งเสริมการขายกองทุนเปิดเอสซีไอ โกลบอล เฮลธ์แคร์ (SCI GHC) ที่สามารถให้ผลตอบแทนดีมาก ขณะเดียวกัน โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ระบาดไปทั่วโลกทำให้บริษัทผลิตยา และธุรกิจที่เกี่ยวข้องน่าจะได้รับผลดีจากเหตุการณ์ดังกล่าวไปด้วย แต่นักลงทุนกลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เนื่องจากมีการระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และให้ความสนใจไปลงทุนในกองทุนอื่นๆ อาทิ กองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้
ทั้งนี้ บลจ.นครหลวงไทยยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M12/09 (SCIINGI12M12/09) อายุโครงการประมาณ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M9/09 (SCI INGI6M9/09) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาทโดยทั้งสองกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวพร้อมกันตั้งแต่วันนี้ – 14 กรกฎาคม 2552 นี้ มูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 2,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M12/09 จะเน้นลงทุนใน Monetary Stabilization Bond (MSB) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศผู้ออกตราสาร AA จากสถาบัน Fitch Rating และคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.20%ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M9/09 จะเน้นลงทุนใน Monetary Stabilization Bond (MSB) หรือ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศผู้ออกตราสาร F-1 จากสถาบัน Fitch Rating และคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (เอยูเอ็ม) ในปีนี้ไว้ที่ 20,000 ล้านบาทตามเดิม แม้ว่าจะมียากลำบากก็ตาม โดยจะพยายามออกกองทุนใหม่ และขายกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่องด้วย รวมทั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วย
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี้) ได้แก่ กองทุนเปิดนครหลวงไทย Efficient Long-Short Commodity (LSCom) มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Citi COMET Index USD Fund ซึ่งเป็นกองทุนหลัก ซึ่งมีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Long – Short เพื่อหากำไรจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ โดยยังอยู่ในระหว่างการขออนุมัติจัดตั้งกองทุนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (ไอพีโอ) ได้ภายในเดือนกรกฎาคม 2552 นี้
ส่วนกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นไทย จะเป็นการลงทุนในระยะยาวประมาณ 3 ปี และเลือกลงทุนในหุ้นทีมีปัจจัยพื้นฐานดีเป็นหลัก โดยจะเป็นกองทุนที่เน้นเสนอขายให้แก่นักลงทุนประเภทสถาบันเท่านั้น ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการเปิดขาย (พรีเซลล์) และนำเสนอข้อมูลให้แก่นักลงทุน ขณะที่กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเอเชีย จะเป็นกองทุนที่มีการตั้งเป้าหมายผลตอบแทน (ทาร์เก็ต ฟันด์) ไว้ที่ 10 – 15% คาดว่าจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรกประมาณเดือนสิงหาคม 2552
นายธีรพันธุ์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการออกกิจกรรมส่งเสริมการขายกองทุนเปิดเอสซีไอ โกลบอล เฮลธ์แคร์ (SCI GHC) ที่สามารถให้ผลตอบแทนดีมาก ขณะเดียวกัน โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้ระบาดไปทั่วโลกทำให้บริษัทผลิตยา และธุรกิจที่เกี่ยวข้องน่าจะได้รับผลดีจากเหตุการณ์ดังกล่าวไปด้วย แต่นักลงทุนกลับไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก เนื่องจากมีการระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และให้ความสนใจไปลงทุนในกองทุนอื่นๆ อาทิ กองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้
ทั้งนี้ บลจ.นครหลวงไทยยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้จำนวน 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M12/09 (SCIINGI12M12/09) อายุโครงการประมาณ 12 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M9/09 (SCI INGI6M9/09) อายุโครงการประมาณ 6 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาทโดยทั้งสองกองทุนจะเปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวพร้อมกันตั้งแต่วันนี้ – 14 กรกฎาคม 2552 นี้ มูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 2,000 บาท
สำหรับกองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M12/09 จะเน้นลงทุนใน Monetary Stabilization Bond (MSB) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศผู้ออกตราสาร AA จากสถาบัน Fitch Rating และคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.20%ต่อปี
ส่วนกองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 6M9/09 จะเน้นลงทุนใน Monetary Stabilization Bond (MSB) หรือ Korea Treasury Bond (KTB) ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศผู้ออกตราสาร F-1 จากสถาบัน Fitch Rating และคาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 2.50% ต่อปี
