xs
xsm
sm
md
lg

“แหม่ม” วิชุดา พินดัม : ออมเงินสร้างมีวินัย ไม่เดือดร้อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แหม่ม วิชุดา พินดัม
คอลัมน์เจาะพอร์ตคนดัง

หลังจากมีข่าวฮือฮาความขัดแย้งกันระหว่าง "แหม่ม" วิชุดา พินดัม กับ "ปราย ธนาอัมพุช" กรณีแย่ง "นก" จิรศักดิ์ โย้จิ้ว ผู้กำกับชื่อดังละครซิทคอมเรื่องเป็นต่อ กับกรณีการเปิดศึกสงครามน้ำลายกันขึ้น และการทวงของลับ (กกน.) คืนอีกต่างหาก ต่อด้วยการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูขึ้นเมื่อมีคลิปเสียงทวงของคืนตามมาติด ๆ เฮ้ย!! ฟังดูแล้วก็น่าเห็นใจหลาย ๆ ฝ่ายอยู่เหมือนกัน เพราะเรื่องราวความรักเนี้ยมันก็ไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ เล้ย!!!

คอลัมน์ “เจาะพอร์ตคนดัง” ได้นำตัวเจ๊มิ้น แห่งซิสคอมเรื่อง "เป็นต่อ" มาเปลี่ยนบรรยากาศ เรื่องราวรักสามเศร้า มาคุยกันในเรื่องของการวางแผนทางการเงินกันบ้างว่า ปัจจุบันเธอมีมุมมองเป็นอย่างไร และเธอมีวิธีจัดสรรพอร์ตกันอย่างไรกันบ้าง…

"สาวแหม่ม"เล่าว่า จากข่าวสารที่ได้รับ ถึงภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้ทุกคนต้องรู้จักประหยัดและใช้จ่ายมากขึ้น แต่โดยส่วนตัวแล้ว แหม่มเองไม่ค่อยรู้สึกถึงผลกระทบดังกล่าว เนื่องจากว่าเราไม่ค่อยได้ใช้จ่ายในสินค้าที่ฟุ่มเฟือยมากนัก เพราะเราจะอยู่อย่างพอเพียงอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม จากกระแสข่าวที่ได้ยินมาว่าเศรษฐกิจไม่ดีเราก็ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

โดยส่วนใหญ่แล้ว รายได้ของแหม่มที่มีเข้ามา จะเก็บไว้ในรูปของการฝากแบงก์มากกว่า ที่เหลือก็จะมีบ้าง ที่นำเงินไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน เก็บไว้และเป็นการออมในอีรูปแบบหนึ่ง เพราะมันจะทำให้เราดูมีภาระบ้างเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปจับจ่ายใช้สอยให้มันสิ้นเปลืองไปกับสิ่งของที่ไม่จำเป็นหรือของที่ฟุ่มเฟือยได้

เจ๊มิ้น บอกเพิ่มเติมว่า เมื่อเรารู้จักเก็บออมมันก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะเมื่อถึงเวลาที่เราต้องใช้สตางค์ก็จะสามารถนำออกมาใช้ได้เลย หรือในขณะนั้นเรามีโปรแกรมที่อยากจะลงทุนก็สามารถทำได้ทันทีแบบไม่ติดขัด นอกจากนี้แล้วการออมยังเป็นการสร้างวินัยที่ดีในกับเราด้วย

ในเรื่องของการออมเงินนั้น "เแหม่ม" บอกว่า ช่วงวัยเด็กนั้นคุณพ่อคุณแม่จะสอนเสมอว่าไม่ให้ไปยืมเงินเพื่อน เพราะมันจะทำให้เราไม่ไปสร้างหนี้ ซึ่งเราก็ซึมซับมาจนถึงปัจจุบัน แต่ในเรืองของการเก็บสตางค์นั้นคุณพ่อคุณแม่ ไม่ได้สอนมากมายนัก แต่เราจะมารู้จักเก็บเอาเองเมื่อตอนที่โตแล้ว มีงานทำแล้ว ซึ่งรายได้แรกที่แหม่มสามารถหาได้ด้วยตัวเองนั้นเป็นช่วงตอนอายุประมาณ 12 - 13 ปี รู้สึกว่าจะเป็นการถ่ายโฆษณา ซึ่งครั้งนั้นจำได้ว่าเราก็ได้ให้คุณแม่ไปหมดแล้ว และหลังจากนั้นเมื่อมีงานในวงการบันเทิงเพิ่มมากขึ้นจนเป็นที่รู้จักของประชาชนแล้วเราก็มาบริหารรายได้ของเราเอง

ขณะนี้แหม่มมีงานในวงการบันเทิงซึ่งเป็นละครซิทคอมเรื่อง “เป็นต่อ” ออกอากาศทางช่อง 3 ทุกวันพฤหัสบดี ช่วงเวลา 23.00 น. ซึ่งในเรื่องนี้แหม่มรับบทเป็นเจ้มิ้นท์ เจ้าของผับที่ทั้งเค็มและเฮี้ยบ แต่ก็เป็นที่รักของทุก ๆ คน นอกจากนี้แล้ว แหม่มยังเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คเกี่ยวกับงานฝีมือเกี่ยวกับการถักนิดติ้งด้วย ซึ่งในส่วนของหน้าที่ตรงนี้แหม่มมีตำแหน่งเป็นบรรณาธิการของหนัสือ โดยหน้าที่ส่วนใหญ่แล้วก็ดูแลเรื่องของการถักนิดติ้งเป็นหลัก

แหม่มบอกถึงจุดเริ่มต้นของงานหนังสือว่า ส่วนหนึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่เราได้ดูรายการทีวีรายการหนึ่งที่มี "น้องเจี๊ยบ - สุนันทา แซ่เฮ้า" ที่ประสบอุบัติเหตุโดนรถมินิบัสทับลำตัวบาดเจ็บสาหัส ตอนแรกเราก็รู้และเคยได้ยินข่าวเรื่องของเขาแต่เราก็ไม่ได้รู้ลึกเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของเขาหลังประสบอุบัติเหตุ จนเรามาดู นั่งร้องไห้ สงสารเขาและก็รู้สึกว่ามันตื่นตัน รู้สึกว่าชีวิตของเขาสามรถให้กำลังใจกับคนได้เยอะและยังให้กำลังใจเราด้วย เพราะบางทีเราเจอปัญหาที่เข้ามาในชีวิตเล็กๆน้อยๆเราก็ท้อแล้ว แต่เมื่อเราไปมองดูเจี๊ยบเขากลับไม่ท้อ เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเราอยากทำอะไรให้เขา

“ตอนที่เริ่มต้นเรียนจะไปซื้อไหมพรมมาจากเซ็นทรัลแล้วก็ให้เขาสอน แต่ว่ามันไม่ทันใจเพราะมีคนไปเรียนกับเขาเยอะ แค่เขาบอกเสร็จ พอกลับบ้าน หรือขับรถออกมาก็ลืม ดูแล้วมันไม่ไหว ก็เลยเข้าไปดูทางอินเตอร์เน็ต ไปดูเว็บไซต์ของเมืองนอกมีเยอะมากเกี่ยวกับวิธีสอน แต่ว่ามันเป็นภาษาอังกฤษ ปวดหัวมากเลยกว่าจะถอดศัพท์ ภาษาอังกฤษออก บางทีก็เป็นศัพท์เฉพาะ มันเป็นงานที่ละเอียดอ่อนมาก ก็เลยอาศัยว่าเรามุมานะจริง ๆ ถึงทำออกมาได้จนสำเร็จ”

ส่วนหลักและแนวคิดในการทำงานนั้น เจ๊มิ้น บอกว่า ต้องทำในสิ่งที่ชอบ และเราจะทำได้ดี ซึ่งถ้าเราทำไปทำงานตามกระแสที่เกิดขึ้นในปัจจุบันและถ้าเราไม่ถนัดเชื่อว่าเมื่อทำแล้วจะไปไม่รอดและไม่สนุก อีกทั้งยังจะทำให้เราเกิดภาวะเครียดได้ ดังนั้นงานที่ทำทุกงานต้องเป็นงานที่ชอบและเราจะทำออกมาดีและไม่เครียด

สุดท้ายนางร้ายหน้าลูกครึ่ง ฝากบอกว่า...เมื่อเรารู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดีเราก็ต้องรู้จักอยู่อย่างพอเพียง มีน้อยก็ต้องใช้น้อย ไม่ฟุ่มเฟือย อีกทั้งเราเองยังต้องรู้จักอดออมไว้ใช้ในยามจำเป็นด้วย แต่ถึงอย่างไรแล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ดีก็ตาม การออมเงินจะเป็นการสร้างวินัยที่ดีอย่างหนึ่ง และทำให้เราไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้าด้วย แถมไม่ก่อให้เกิดปัญหาในด้านการเงินอีกต่างหาก

///////////////////////////////////////////////////////////////////////
ชื่อ – นามสกุล วิชุดา พินดัม (แหม่ม)
วันเดือนปีเกิด 3 มกราคม 2520
การศึกษา ชั้นปีที่ 2 คณะรัฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ผลงานปัจจุบัน ซิทคอมเรื่อง “เป็นต่อ”

กำลังโหลดความคิดเห็น