กระแสการลงทุนในปัจจุบันหากไม่นับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้แล้ว สินทรัพย์ที่น่าสนใจในช่วงนี้เห็นจะหนีไม่พ้นการลงทุนในทองคำ และน้ำมัน โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคากลับไปสู่ระดับที่เหมาะสม และเย้ายวนใจให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนกันอีกครั้ง โดยมีหลายปัจจัยที่พร้อมจะกดดันให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นไปได้ในอนาคตอันใกล้นี้
ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจคาดการณ์ว่าน่าจะฟื้นตัวในช่วงปลายปีนี้ โดยหลายฝ่ายมองว่าได้เห็นจุดต่ำสุดของวิกฤติการณ์ในรอบนี้แล้ว ซึ่งหากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวจริงอย่างที่ประเมินกันไว้ก็จะทำให้ราคาน้ำมันทะยานขึ้นไปที่อยู่เหนือระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ไม่ยากเลย ขณะที่ระดับราคาน้ำมันในปัจจุบันน่าจะไม่ใช่ระดับราคาที่เหมาะสมด้วย
นอกจากนี้ ปัจจัยที่สามารถกดดันราคาน้ำมันให้ขยับขึ้นไปยังมาจากความกังวลด้านอุปทาน โดยในไนจีเรีย ชาติผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของแอฟริกา ขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมแม่น้ำไนเจอร์อ้างว่าได้ทำลายท่อลำเลียงน้ำมันบิลลี-คราคามา ในรัฐริเวอร์ส ซึ่งเป็นหนึ่งในคลังส่งออกหลักของประเทศ
ทั้งนี้ จากการปฏิบัติการโจมตีหลายครั้งของขบวนการปลดปล่อยสามเหลี่ยมแม่น้ำไนเจอร์บังคับให้บริษัทน้ำมันต่างชาติหลายแห่ง ในจำนวนนั้นรวมไปถึงเชฟรอนของสหรัฐฯและอาจีปของอิตาลี ต้องระงับการผลิตน้ำมันอย่างน้อย 133,000 บาร์เรลต่อวันเมื่อเดือนที่ผ่านมา
อีกปัจจัยที่สนับสนุนราคาน้ำมันคือกรณีบริษัท เอ็กซอนโมบิล แจ้งต่อผู้ควบคุมด้านสภาพแวดล้อมในเทกซัสว่า โรงกลั่นขนาดใหญ่เบย์ตันมีปัญหาข้ดข้องจนต้องระงับปฏิบัติการที่อาจกระทบต่อคลังน้ำมันเบนซินในฤดูกาลขับขี่ช่วงฤดูร้อนนี้ ส่วนประเทศผู้ผลิตน้ำมันอย่างโอเปคเองก็ร่ำๆ ว่าจะลดกำลังการผลิตลงไป หากราคาน้ำมันไม่ได้อยู่ในระดับที่ตัวเองต้องการ
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาน้ำมันในปัจจุบันจะไม่ได้พุ่งขึ้นไปสูงถึง 147 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลดังเช่นในปีที่ผ่านมา แต่ด้วยการพุ่งขึ้นจาก 33.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในขณะนี้ เพียงระยะเวลา 4 เดือนคิดเป็นการเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวซึ่งนับว่าน่าจะสามารถดึงดูดใจนักลงทุนได้
จากกระแสดังกล่าวทำให้มีหลายบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เปิดตัวกองทุนใหม่ขึ้นมา แม้ว่าแต่ละแห่งจะมีนโยบายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ค่อนข้างแตกต่างกันไป แต่ทุกรายล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายตรงกันที่จะต้องการทำกำไรจากการขึ้นของราคาน้ำมัน โดยกองทุนที่คอลัมน์ “MutualFund IPO” จะพามาแนะนำให้กับนักลงทุนในสัปดาห์นี้ เป็นกองทุนภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.เอ็มเอฟซี
นั่นคือ...กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเนอร์จี เทน ฟันด์ (I-Energy 10) ซึ่งกองทุนนี้ จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานดั้งเดิม และพลังงานทางเลือก รวมทั้งกองทุนน้ำมันต่างประเทศ ส่วนจะมีข้อดี และแตกต่างจากที่รายอื่นออกมาอย่างไร มาฟังจากผู้บริหารกันเลย
พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเนอร์จี เทน ฟันด์ (I-Energy 10) จะเน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานดั้งเดิม และพลังงานทางเลือก (Traditional Energy and Alternative Energy) และอาจลงทุนในกองทุนน้ำมันต่างประเทศ เช่น PowerShares DB Oil Fund รวมทั้งอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารกองทุน และลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ทั้งนี้ กองทุนสามารถปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศได้ตามสภาพเศรษฐกิจ และสถานการณ์ตลาดเงินตลาดทุน
โดยกองทุนนี้ ตั้งเป้าหมายที่คืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11 บาท หรือได้ผลตอบแทน 10% ในช่วงเวลาการลงทุนประมาณ 1 ปี โดยกองทุนเปิด I-Energy 10 สามารถเลิกกองทุนทันทีไม่ต้องรอครบอายุกองทุน 1 ปี เมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11.30 บาท เป็นเวลา 5 วันทำการติดต่อกัน หรือเมื่อมูลค่าหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 11.30 บาทและทรัพย์สินของกองทุนเป็นเงินสดทั้งหมดในสกุลเงินบาท โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ ต่ำกว่า 11 บาท
"จุดเด่นของกองทุนนี้ อยู่ที่จังหวะการลงทุนที่ดี จากการที่แนวโน้มของราคาน้ำมันจะสูงขึ้น ซึ่งมีปัจจัยจากปริมาณเงินลงทุนที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องโดยดูจากปริมาณ Transaction ที่ลงทุนใน Future น้ำมันปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตัวเลขปริมาณสำรองน้ำมันทั่วโลกสิ้นปี 2008 ลดลงจากปีก่อนมาอยู่ที่ 1.258 พันล้านบาร์เรล และนักวิเคราะห์ทั่วโลกคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกปี 2009 เพิ่มขึ้นเป็น 83.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมีแรงขับเคลื่อนจากการบริโภคในจีนและสหรัฐ"
ทั้งนี้ Goldman Sachs Group Inc. คาดการณ์ว่าสิ้นปี 2009 ราคาน้ำมันจะอยู่ประมาณ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (ข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ของบลจ. เอ็มเอฟซี ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2552)
"พิชิต" บอกว่า กองทุน I-Energy 10 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจด้านพลังงานดั้งเดิมและพลังงานทางเลือก และปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของหุ้นดังกล่าว รวมถึงราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นอย่างดี ตลอดจนนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับสูงที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของหุ้นธุรกิจพลังงาน ราคาน้ำมันในตลาดโลก และอัตราแลกเปลี่ยนได้
ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมากองทุนทาร์เก็ตฟันด์ของ บลจ.เอ็มเอฟซีได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยถึงเป้าหมายผลตอบแทนก่อนครบอายุกองทุน ได้แก่ กองทุนรวม I-BRIC Recovery ที่สร้างผลตอบแทน 14% ภายใน 10 เดือน และโดยเฉพาะกองทุนเปิด I-OIL 15S1 ที่สร้างผลตอบแทน 15% ภายในเวลาเพียง 2 เดือน
สำหรับกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเนอร์จี เทน ฟันด์ มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการประมาณ 1 ปี โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 2552 มูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท...นักลงทุนที่สนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมของสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บลจ.เอ็มเอฟซี โทร. 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 หรือที่เว็บไซต์ www.mfcfund.com