บลจ.อเบอร์ดีน จ่อคิวกองทุนแรกในรอบปี เตรียมแผนส่งกองทุนเอฟไอเอฟ ลุ้นหุ้นต่างประเทศ เน้นมูลค่าหุ้นที่มีความน่าสนใจ หวังเปิดโอกาสนักลงทุนกระจายความเสี่ยง และรับผลตอบแทนสูง พร้อมชูจุดแข็ง การบริหารงานโดยเน้นลงทุนหุ้นเป็นหลัก
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนที่จะออกกองทุนรวมต่างประเทศใหม่ในปีนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนไทยที่ต้องการจะกระจายการลงทุน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยบริษัทวางแผนที่จะเสนอเป็นกองทุนที่ไปลงทุนประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ โดยพิจารณาจากในเรื่องของมูลค่าหุ้นที่มีความน่าสนใจ
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าของ บลจ. อเบอร์ดีนประเทศไทยนั้น เป็นกลุ่มลูกค้าที่ชอบลงทุนในหุ้นและฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อย ซึ่งบริษัทเองก็พยายามที่จะขยายธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขณะที่สินทรัพย์โดยประมาณ 75% ของอเบอร์ดีนประเทศไทยนั้นเป็นการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่ง 80% ของสินทรัพย์ในกองทุนรวมนั้นมาจากผู้ลงทุนรายย่อย ส่วนสินทรัพย์ที่เหลืออยู่อีกประมาณ 25% มาจากธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลที่มีลูกค้าสถาบันเป็นหลัก โดยบริษัทมีข้อกำหนดในเรื่องขั้นต่ำของเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลที่บริษัทจะรับบริหารอยู่ที่ 300 ล้านบาท
โดยจุดแข็งของอเบอร์ดีนประเทศไทย คือ ความสามารถในการลงทุนในตราสารทุน โดยปัจจุบันอเบอร์ดีนเน้นกองทุนหุ้นเป็นหลัก ซึ่งมีกองทุนหุ้น 12 กองทุน จากกองทุนทั้งหมด 15 กองทุน และมี 4 กองทุนที่เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่ลงทุนอยู่ในตลาดเอเชีย แปซิฟิค ไม่นับรวมญี่ปุ่น ตลาดทั่วโลก ตลาดยุโรป และกลุ่มตลาดเกิดใหม่
“เราได้สร้างธุรกิจของเราขึ้นมาจากตลาดลูกค้ารายย่อยเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วเรามีแผนการที่จะเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าสถาบันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนเป็นโอกาสสำหรับเราเพราะผู้ลงทุนได้มีโอกาสลงทุนในระดับภูมิภาคมากขึ้น” นายชัยเกษมกล่าว
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า ผู้จัดการกองทุนของอเบอร์ดีนประเทศไทยนั้น จะเข้าเยี่ยมชมบริษัทต่างๆเป็นประจำ โดยข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมชมจะถูกเสนอให้กับทีมผู้จัดการกองทุนในระดับภูมิภาค และจะมีการรับรองการวิเคราะห์บริษัทนั้นๆ ร่วมกัน เพื่อระบุระดับคุณภาพของบริษัท การเข้าเยี่ยมชมบริษัทจะถูกทำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อเป็นการยืนยันให้มั่นใจว่าเราได้เลือกบริษัทที่ถูกต้อง มีพื้นฐานดี และมีราคาที่สมเหตุสมผล
ส่วนในด้านของการลงทุนนั้น อเบอร์ดีนประเทศไทยได้นำเอามาตรฐานสากลระดับโลกมาใช้กับการลงทุน โดยเน้นเรื่องของความโปร่งใส และบรรษัทภิบาล ส่วนผลิตภัณฑ์ อเบอร์ดีนมีให้ลูกค้าเลือกทั้งที่เป็น onshore และ offshore ในแง่ของการให้บริการอเบอร์ดีนสามารถที่จะใช้ทรัพยกรบุคคลของกลุ่มอเบอร์ดีนเพื่อให้บริการหลังการขายได้ นอกจากนี้อเบอร์ดีนยังเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนในประเทศไทยไม่กี่บริษัท ที่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของกองทุนรวมต่างประเทศ และด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ได้กล่าวมานี้ อเบอร์ดีนได้รับรางวัล “Best Thailand Onshore Fund House” จากนิตยสาร AsianInvestor ในสาขา “2009 Investment Performance Awards”
“ประโยชน์ที่สำคัญอีกข้อหนึ่งของการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศของอเบอร์ดีน คือเรามีฐานข้อมูลที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย มีบทวิเคราะห์ตลาด รวมถึงบทวิเคราะห์ผ่านวีดีโอ อีกทั้งยังสามารถติดต่อตรงกับผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งคู่แข่งของเราอาจจะนำเงินไปลงทุนผ่าน Third Party อีกทีนึง และเป็นไปได้ที่จะไม่ได้รับข้อมูลที่ทั่วถึง” หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน กล่าว
นายชัยเกษม วัฒนศิริพงษ์ หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนที่จะออกกองทุนรวมต่างประเทศใหม่ในปีนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักลงทุนไทยที่ต้องการจะกระจายการลงทุน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยบริษัทวางแผนที่จะเสนอเป็นกองทุนที่ไปลงทุนประเทศใดประเทศหนึ่งโดยเฉพาะ โดยพิจารณาจากในเรื่องของมูลค่าหุ้นที่มีความน่าสนใจ
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าของ บลจ. อเบอร์ดีนประเทศไทยนั้น เป็นกลุ่มลูกค้าที่ชอบลงทุนในหุ้นและฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อย ซึ่งบริษัทเองก็พยายามที่จะขยายธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ขณะที่สินทรัพย์โดยประมาณ 75% ของอเบอร์ดีนประเทศไทยนั้นเป็นการลงทุนในกองทุนรวม ซึ่ง 80% ของสินทรัพย์ในกองทุนรวมนั้นมาจากผู้ลงทุนรายย่อย ส่วนสินทรัพย์ที่เหลืออยู่อีกประมาณ 25% มาจากธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลที่มีลูกค้าสถาบันเป็นหลัก โดยบริษัทมีข้อกำหนดในเรื่องขั้นต่ำของเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลที่บริษัทจะรับบริหารอยู่ที่ 300 ล้านบาท
โดยจุดแข็งของอเบอร์ดีนประเทศไทย คือ ความสามารถในการลงทุนในตราสารทุน โดยปัจจุบันอเบอร์ดีนเน้นกองทุนหุ้นเป็นหลัก ซึ่งมีกองทุนหุ้น 12 กองทุน จากกองทุนทั้งหมด 15 กองทุน และมี 4 กองทุนที่เป็นกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ ที่ลงทุนอยู่ในตลาดเอเชีย แปซิฟิค ไม่นับรวมญี่ปุ่น ตลาดทั่วโลก ตลาดยุโรป และกลุ่มตลาดเกิดใหม่
“เราได้สร้างธุรกิจของเราขึ้นมาจากตลาดลูกค้ารายย่อยเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วเรามีแผนการที่จะเจาะกลุ่มตลาดลูกค้าสถาบันมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนเป็นโอกาสสำหรับเราเพราะผู้ลงทุนได้มีโอกาสลงทุนในระดับภูมิภาคมากขึ้น” นายชัยเกษมกล่าว
นายชัยเกษม กล่าวต่อว่า ผู้จัดการกองทุนของอเบอร์ดีนประเทศไทยนั้น จะเข้าเยี่ยมชมบริษัทต่างๆเป็นประจำ โดยข้อมูลจากการเข้าเยี่ยมชมจะถูกเสนอให้กับทีมผู้จัดการกองทุนในระดับภูมิภาค และจะมีการรับรองการวิเคราะห์บริษัทนั้นๆ ร่วมกัน เพื่อระบุระดับคุณภาพของบริษัท การเข้าเยี่ยมชมบริษัทจะถูกทำทุก ๆ 6 เดือน เพื่อเป็นการยืนยันให้มั่นใจว่าเราได้เลือกบริษัทที่ถูกต้อง มีพื้นฐานดี และมีราคาที่สมเหตุสมผล
ส่วนในด้านของการลงทุนนั้น อเบอร์ดีนประเทศไทยได้นำเอามาตรฐานสากลระดับโลกมาใช้กับการลงทุน โดยเน้นเรื่องของความโปร่งใส และบรรษัทภิบาล ส่วนผลิตภัณฑ์ อเบอร์ดีนมีให้ลูกค้าเลือกทั้งที่เป็น onshore และ offshore ในแง่ของการให้บริการอเบอร์ดีนสามารถที่จะใช้ทรัพยกรบุคคลของกลุ่มอเบอร์ดีนเพื่อให้บริการหลังการขายได้ นอกจากนี้อเบอร์ดีนยังเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการกองทุนในประเทศไทยไม่กี่บริษัท ที่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของกองทุนรวมต่างประเทศ และด้วยเหตุผลต่างๆ ที่ได้กล่าวมานี้ อเบอร์ดีนได้รับรางวัล “Best Thailand Onshore Fund House” จากนิตยสาร AsianInvestor ในสาขา “2009 Investment Performance Awards”
“ประโยชน์ที่สำคัญอีกข้อหนึ่งของการลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศของอเบอร์ดีน คือเรามีฐานข้อมูลที่เข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย มีบทวิเคราะห์ตลาด รวมถึงบทวิเคราะห์ผ่านวีดีโอ อีกทั้งยังสามารถติดต่อตรงกับผู้จัดการกองทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งคู่แข่งของเราอาจจะนำเงินไปลงทุนผ่าน Third Party อีกทีนึง และเป็นไปได้ที่จะไม่ได้รับข้อมูลที่ทั่วถึง” หัวหน้าฝ่ายจัดจำหน่ายกองทุน กล่าว
