xs
xsm
sm
md
lg

ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว แชมป์ผลตอบแทนกองทุนLTFเดือน พ.ค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จุมพล สายมาลา
เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานั้น ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลตอบแทนของกองทุนที่ลงทุนในหุ้น ทั้งที่ลงทุนโดยตรง และลงทุนผสม ระหว่างตราสารหนี้ และตราสารทุน หรือจะเป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นทั้งระยะสั้น และระยะยาว ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามดัชนีไปด้วย ซึ่งการลงทุนในหุ้นระยะยาวนั้น หากนักลงทุนเริ่มมีการลงทุนตั้งแต่ตอนนี้ โอกาสที่นักลงทุนจะได้กำไรจากการลงทุนประเภทนี้ถือว่ามีสูงมาก โดยเฉพาะการลงทุนในกองทุนหุ้นระยะยาวหรือแอลทีเอฟ ที่ต้องใช้เวลาลงทุนถึง 5 ปีปฏิทิน 
 
ทั้งนี้ การลงทุนในหุ้นระยะยาวนั้น ทำให้นักลงทุนมีโอกาสซื้อถูกขายแพง เพื่อทำกำไรโดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่ราคาหุ้นของเราถูกว่าถูกแสนถูก การซื้อเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุนจึงถือเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ดังนั้น คอลัมน์ "Best of  fund "จึงขอนำเสนอผลการดำเนินงานของกองทุนรวมหุ้นระยะยาวในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรบ้าง และไปดูกันว่า กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 จาก 10 อันดับแรก เขามีวิธีการบริหารปรับพอร์ตหรือกลยุทธ์การลงทุนอย่างไรจึงทำให้กองทุนมีผลตอบแทนที่ดีได้ 
  โดย กองทุนที่ให้ผลตอบแทนอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)ไอเอ็นจี (ประเทศไทย)จำกัด  มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 85.82 ล้านบาท โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 33.09 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานถึง 8.54 %

 อันดับ 2 กองทุนเปิด ไอเอ็นจีไทยบรรษัทภิบาลหุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) อีก 1 กองทุน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 30.50 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 5.95 %
 
 อันดับ 3 กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล  ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ. ทิสโก้ ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 29.25 %สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานประมาณ 4.70%
 อันดับ 4 กองทุนเปิด เค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล  ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 28.61 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 4.06 %
  อันดับ 5 กองทุนเปิด แมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว  ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ .แมนูไลฟ์ กับผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 28.45 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 3.90 %
 อันดับ 6 กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยา SET50  ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.อยุธยา โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 27.73 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 3.18 %
 
อันดับ 7 กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทย โดยผลการดำเนินงานในรอบ 5 เดือนที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทนอยู่ 27.16 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 2.61%
 
 อันดับ 8 กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาว ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กสิกรไทยเช่นกัน กองทุนนี้ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 27.12 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานประมาณ 2.57 %
อันดับ9 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว SET50 ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กรุงไทย กับผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 26.78 % สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 2.23 %

 อันดับ 10 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30  ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.กรุงไทย โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 26.44 %สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 1.89 %

 ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในช่วงเวลาเดียว ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 24.55%
 เปิดพอร์ตการลงทุน
 นายจุมพล สายมาลา  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายธุรกิจกองทุนรวมและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวว่า  กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว จะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีคุณค่าเป็นหลัก มีการจ่ายเงินปันผลคงที่ โดยที่บริษัทจะเข้าซื้อตอนที่หุ้นมีราคาต่ำว่ามูลค่าพื้นฐาน  ซึ่งจะเป็นหุ้นที่มีขนาดกลาง เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีอัตราการเติบโตสูง ในส่วนของหุ้นที่เราจะเข้าไปลงทุน ก่อนที่เราจะเลือกลงทุน จะมีการเข้าไปศึกษาข้อมูลของบริษัทเหล่านั้น โดยเราจะดูรวมไปถึงทีมผู้บริหาร ความโปร่งใสของบริษัทว่าเป็นอย่างไร ก่อนที่เราจะตัดสินใจลงทุน 
 
"ในช่วงที่ผ่านมานั้น จะสังเกตุได้ว่าตลาดหุ้นมีความผันผวนมาก การปรับพอร์ตลงทุนของเราจะต้องอาศัยการจับจังหวะที่ดีเพื่อทำกำไร โดยช่วงที่ตลาดหุ้นขึ้นเราจะให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นอย่างเต็มที่ และมีการขายเพื่อทำกำไร พอหุ้นลงเราจะเข้าซื้อ โดยเราจะมีการจัดสรรค์เงินสดไว้ในพอร์ตการลงทุน 5-6% เพื่อรอลงทุนอีกครั้ง"นายจุมพล กล่าว

 สำหรับ กองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ประเภทรับซื้อคืนหน่วยลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดย เน้นลงทุนหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

 โดย ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 พบว่ากองทุนมีผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 39.95% มีเกณฑ์มาตรฐานBenchmarkเท่ากับ 29.87% ย้อนหลัง 6 เดือน 45.63% เกณฑ์มาตรฐานBenchmark 39.46% ย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ -6.36% เกณฑ์มาตรฐานBenchmark -18.12% และผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 34.05% ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานBenchmarkอยู่ที่ 25.48% ทั้งนี้ เกณฑ์มาตรฐานBenchmark เทียบกับ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย/SET Index
กำลังโหลดความคิดเห็น