xs
xsm
sm
md
lg

ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว ฝ่าด่านดัชนีผันผวนรั้งแชมป์ผลตอบแทนLTF

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จุมพล สายมาลา
ช่วง 2 สัปดาห์มานี้ บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสึกคักเป็นพิเศษ ดัชนีปรับขึ้นเลยระดับ 560 จุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากเทียบกับช่วงต้นปี ซึ่งดัชนีอยู่ที่ 449.96 จุด ต้องบอกว่าปรับขึ้นไปพอสมควรแล้ว แม้จะยังมาไม่ได้ครึ่งทางหากเทียบกับการปรับลดลงมาจากระดับ 800 กว่าจุด แต่หากลงทุนไปตั้งแต่ต้นปี เรียกได้ว่ากำไรอู้ฟู่ไปแล้ว (ถ้าไม่โลภนะครับ)

 พูดถึงการลงทุนแล้ว หลายคนมักจะจับจังหวะการลงทุนผิดอยู่บ่อยครั้ง เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยผ่านประสบการณ์นี้ นั่นคือ เขาไปซื้อตอนที่ราคาแพงไปแล้ว สุดท้ายก็จะติดอยู่บนยอดดอย จะขายออกก็กลับขาดทุน...ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะเวลาที่ดัชนีตก ไม่กล้าเข้าไปซื้อเพราะกลัวว่าจะตกไปกว่านี้ ทั้งๆ ที่เป็นโอกาสดีในการซื้อของถูก

 อีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจคือ การซื้อสะสมทุกๆ เดือน ไม่ว่าราคาจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นการลดความเสี่ยงให้พอร์ตของเราและช่วยลดต้นทุนอีกทางด้วย ที่สำคัญ การลงทุนแบบนี้ จะทำให้เรามีวินัยในการออมเงินที่ดี

 เกริ่นไปแบบนี้ เพราะต้องการโยงถึงการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือที่รู้จักกันในชื่อ กองทุนแอลทีเอฟ...อย่างที่ทราบกันว่า นักลงทุนส่วนใหญ่ที่ลงทุนผ่านกองทุนนี้ จะรอลงทุนครั้งเดียวปลายปีเท่านั้น โดยทิ้งโอกาสดีในช่วงต้นปีและระหว่างปีไป ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ช่วงปลายปีส่วนใหญ่ จะเป็นช่วงที่ดัชนีปรับขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงแล้ว...ซึ่งในปีนี้เอง หากใครลงทุนสะสมไปตั้งแต่ต้นปี คงได้ยิ้มหน้าบานไปตามๆ กันแล้ว

 คอลัมน์ "Best of Fund" ฉบับนี้ เลยขอนำเสนอผลการดำเนินงานของกองทุนแอลทีเอฟในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง แล้วกองทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดเป็นอันดับ 1 เขาปรับกลยุทธืการลงทุนเอาชนะความผันผวนอย่างไรบ้าง

สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนเปิดไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาว กองทุนแอลทีเอฟภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 14.75% โดยผลตอบแทนดังกล่าวสูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ 5.48% 
อันดับ 2 กองทุนเปิดแมนูไลฟ์ สเตร็งค์ คอร์ หุ้นระยะยาว ของบลจ.แมนูไลฟ์ โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 14.32% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ 5.05%
อันดับ 3 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว70/30 ของบลจ. กรุงไทย ซึ่งให้ผลตอบแทนในระดับที่ไม่ต่างกันมากนัก ซึ่งในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทน 14.04% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.77% 

 อันดับ 4 กองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล ภายใต้การจัดการของ บลจ.ทิสโก้ ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 13.21% โดยผลตอบแทนดังกล่าวสูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ 3.94%

 อันดับ 5 กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว  กองทุนที่สองภายใต้การจัดการของ บลจ.กรุงไทย โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 12.75% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ 3.48%

  อันดับ 6 กองทุนเปิดไอเอ็นจีไทยบรรษัทภิบาลหุ้นระยะยาว ของบลจ.ไอเอ็นจี ด้วยผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี 12.64% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ 3.37% 

 อันดับ 7 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส  ของบลจ.ไทยพาณิชย์ โดยในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทน  12.52% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.25%
 อันดับ 8 กองทุนเปิดอเบอร์ดีนหุ้นระยะยาว ภายใต้การจัดการของ บลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 12.27% โดยผลตอบแทนดังกล่าวสูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ 3.00%

 อันดับ 9 กองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล ของบลจ. กสิกรไทย โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 12.19% ซึ่งผลตอบแทนดังกล่าวสูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ 2.92%

 และ อันดับ 10 กองทุนเปิดเอ็มเอฟซีเพิ่มทรัพย์หุ้นระยะยาว  กองทุนภายใต้การบริหารของ บลจ.เอ็มเอฟซี โดยในรอบ 4 เดือนที่ผ่านมา กองทุนให้ผลตอบแทน 12.04% สูงกว่าผลตอบแทนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 2.77%

 ทั้งนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน  ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 9.27%
 เปิดพอร์ตกองทุนอันดับ 1

 นายจุมพล สายมาลา  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาดกองทุนรวม บลจ.ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) กล่าวถึงพอร์ตการลงทุนของกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย แวลูพลัส ปันผล หุ้นระยะยาวว่า  ในไตรมาสเเรกของปีที่ผ่านมา เราถือเงินสดไว้ในพอร์ตประมาณ 10-20% เพื่อรอจังหวะการลงทุน ตั้งเเต่หลังสงกานต์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นค่อนข้างปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเราก็พอมองเห็นโอกาสในการลงทุนในหุ้นเต็มพอร์ต โดยจะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน เเละกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นหลัก 

 โดยจุดเด่นของกองทุนดังกล่าวคือ  เราจะคัดเลือกหุ้นที่อยู่ในกลุ่มหุ้นคุณค่าดี ซึ่งจะคัดสรรหุ้นที่มีมูลค่าในตลาดต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ของบริษัทที่เข้าไปลงทุน หรืองการจ่ายเงินปันผล มีราคาต่อทุนต่ำ มีราคาต่ำผลกำไรต่ำ โดยกองทุนนี้จะไม่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตสูงมากจนเกินไป
 
กำลังโหลดความคิดเห็น