xs
xsm
sm
md
lg

AYFส่งกองน้ำมันดักรอราคาพุ่ง ตั้งเป้าฟันกำไร10%แล้วปิดกอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.อยุธยา เกาะขบวนกองทุนน้ำมัน เปิดขาย "อยุธยาออยล์ 10% ทาร์เก็ต" ลงทุนดัชนีน้ำมันต่างประเทศ ตั้งเป้าผลตอบแทน 10% ภายใน 1 ปี มั่นใจโอกาสราคาน้ำมันพุ่งต่อยังมี ชี้ราคา 80-90 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อลาร์เรล เป็นราคาเหมาะสม เปิดไอพีโอแล้ววันนี้ ถึง 24 มิ.ย.นี้ ด้าน บลจ.แอสเซทพลัส เชียร์ กระจายพอร์ตลงทุนน้ำมันด้วย

นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด (เอวายเอฟ) เปิดเผยว่า วันนี้ (11 มิ.ย.) บริษัทจะเสนอหน่วยลงทุนครั้งแรกของกองทุนเปิดอยุธยาออยล์ 10% ทาร์เก็ต กองทุนต่างประเทศที่มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุน United States Oil Fund (USO) ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่ลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) โดยกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนน้ำมันที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก และยังมีนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศจำนวนมากเป็นผู้ถือหน่วย

 ทั้งนี้ กองทุนเปิดอยุธยาออยล์ 10% ทาร์เก็ต มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากราคาน้ำมันดิบ WTI โดยตั้งเป้าหมายสร้างผลตอบแทนให้ได้ 10% ภายในระยะเวลาการลงทุน 1 ปี โดยมีเงื่อนไขว่าหากมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนที่คืนให้ผู้ถือหน่วยไม่ต่ำกว่า 11.00 บาท จากราคาเสนอขายช่วงไอพีโอ 10 บาท ก็จะเลิกกองทุนเพื่อคืนเงินให้กับผู้ถือหน่วย หรือจ่ายผลตอบแทนตามที่เกิดขึ้นจริงให้ผู้ถือหน่วย หลังจากครบอายุการลงทุน 1 ปี โดยกองทุนจะเสนอขายช่วงไอพีโอไปจนถึงวันที่ 24 มิถุนายนนี้ ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
นายฉัตรพี กล่าวว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พบว่าราคาน้ำมันมีการปรับตัวขึ้นมาในระดับ 10% ถึง 12 ครั้ง ดังนั้น จึงมองว่าน่าจะมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระดับ 10% จากการลงทุนในช่วงเวลา 1 ปี ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) จะค่อนข้างผันผวน และมีโอกาสปรับลดลงได้ แต่เราก็ยังมองว่าโอกาสที่ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นก็มีเช่นกัน โดยเรามองว่าราคาน้ำมันที่เหมาะสมอยู่ที่ 80-90 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อลาร์เรล แต่หากราคาน้ำมันเข้าสู่ขาลง ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับ 30-40 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อลาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต้นทุนของผู้ผลิตน้ำมัน ขณะเดียวกัน การที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว เชื่อว่าจะมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นด้วย

 "เดิมที่เราตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ที่ 20 % แต่หลังจากราคาน้ำมันปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะ เราจึงมองว่าโอกาสสร้างผลตอบแทน 10% ในช่วงเวลา 1 ปีน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ซึ่งกองทุนนี้ เหมาะกับนักลงทุนที่มีมุมมองตรงกับเราว่า ราคาม้ำมันยังมีโอกาสปรับขึ้นได้อีกหลังจากนี้" นายฉัตรพีกล่าว
นายประภาส ตันพิบูลย์สักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวว่า กองทุนนี้ไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนแต่อย่างใด ซึ่งทำให้กองทุนมีโอกาสรับกำไรจากค่าเงินด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงฟื้นตัวเช่นนี้ เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยเอง คงไม่ปล่อยให้ค่าเงินบาทแข็งค่าจนเกินไป เพราะจะกระทบกับการส่องออกที่เป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นในเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวได้

  นางลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์  กรรมการผู้จัดการ บลจ. แอสเซท พลัส กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นว่ากองทุนน้ำมันได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ภาวะตลาดตราสารหนี้ และตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน นักลงทุนจึงให้ความสำคัญกับการกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทอื่น เพื่อให้ผลตอบแทนโดยรวมมีความผันผวนลดลง ซึ่งน้ำมันถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นวัตถุดิบที่สำคัญทั้งในภาคการบริโภค และการผลิตทั่วโลก โดยปริมาณความต้องการปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่กำลังการผลิต และปริมาณของน้ำมันสำรองมีอยู่อย่างจำกัด และมีแนวโน้มลดลงในอนาคต ทำให้แนวโน้มราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งการปรับตัวของราคาน้ำมันมีความสัมพันธ์น้อยมากกับการปรับตัวของตราสารหนี้และหุ้น จึงเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน และสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

 ทั้งนี้ จากการติดตามแนวโน้มราคาน้ำมันดิบ West Texas (WTI) ของด้านจัดการลงทุน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เห็นว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หากทางกลุ่มโอเปกยังคงลดปริมาณน้ำมันคงคลังลงจนอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี น่าจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 85 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์ได้ จากระดับปัจจุบันที่ประมาณ 68 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลล์ และหากว่ากำลังผลิตน้ำมัน ทั้งจากกลุ่มประเทศ OPEC และกลุ่มประเทศ Non OPEC ปรับลดกำลังลงไปอีก อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในครึ่งปีหลังของปี 2010  ซึ่งแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบนี้เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญที่จูงใจให้นักลงทุนเลือกลงทุนในน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา
 
อย่างไรก็ตาม ในด้านการลงทุน ช่วงที่มีการปรับตัวของราคาหุ้นมากเนื่องจาก Fund flow ที่ไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง เช่น ตลาดหุ้น มากขึ้น การลงทุนต่างๆ อาจต้องอาศัยการวิเคราะห์ ติดตามตัวเลขชี้นำเศรษฐกิจที่สำคัญ และจัดสรรพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสม เนื่องจาก ในช่วงนี้อาจมีการปรับฐานระยะสั้นจากการเก็งกำไร

 ทั้งนี้ ผู้ลงทุนที่ต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในการลงทุนในสินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุน พร้อมรับคำแนะนำในการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในตราสารต่างๆ อย่างเหมาะสม บลจ.จะจัดเสวนาเรื่อง “กลยุทธ์การลงทุนใน ทองคำ น้ำมัน ตลาดหุ้นโลก” ในวันที่ 17 มิถุนายน นี้ เวลา 13.30 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ถนนเพลินจิต
กำลังโหลดความคิดเห็น