xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นกู้...โอกาสลงทุนที่ต้องเลือก เพราะคุณอาจจะ"สมหวังและผิดหวัง"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดูท่ากระแสของ "หุ้นกู้" จะมาแรงแซงหน้าการลงทุนประเภทอื่นๆไปซะแล้ว เพราะไม่ว่าหุ้นกู้ตัวไหนออกมา ก็ปรากฏว่าล้วนแล้วแต่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โดยเฉพาะหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่กลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์...ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ หุ้นกู้ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนในช่วงนี้ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นผลตอบแทนที่ยังอยู่ในระดับสูง (สูงกว่าทั้งเงินฝาก กองทุนตราสารหนี้ในประเทศ) และความเสี่ยงที่อาจจะน้อยกว่าการลงทุนในหุ้น (ที่ค่อนข้างผันผวน ขึ้นลงที่ละ 20 จุด)

และจากความต้องการลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ทำให้นักลงทุนหลายคนอยากรู้ว่า จริงๆ แล้วหุ้นกู้ น่าสนใจลงทุนจริงหรือไม่ และถ้าจะเลือกหุ้นกู้จะต้องพิจารณาจากปัจจัยอะไรบ้าง หุ้นกู้ไหนลงทุนได้ หุ้นกู้ไหนควรหลีกเลี่ยง...ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการจัดสัมมนาให้ข้อมูลแก่นักลงทุนประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้พลาดโอกาสและผิดหวังจากโอกาส ซึ่งวันนี้ "ASTVผู้จัดการกองทุนรวม" อาสารวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจให้ผู้ลงทุนได้ติดตามกัน

เริ่มต้นกันที่ งานสัมมนา “ลงทุนหุ้นกู้ กู้วิกฤติกระเป๋าเงิน” จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ก่อนอื่นไปดูกันก่อนว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีปริมาณหุ้นกู้ออกมาในตลาดมากน้อยแค่ไหน ประเด็นนี้ ได้รับการเปิดเผยจาก อริยา ติรณะประกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายสายงานการกำกับดูแล สมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณการออกหุ้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วพบว่าเพิ่มขึ้นถึง 100% เช่นเดียวกับพันธบัตรรัฐบาลที่มีปริมาณออกมาเพิ่มขึ้นถึง 100% เช่นกัน

โดยปริมาณของหุ้นกู้เอกชนที่ออกมาในช่วง 4 เดือนแรก มีมูลค่ารวมประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ซึ่งจากปริมาณที่ค่อนข้างสูงดังกล่าวทำให้คาดว่าทั้งปีนี้ น่าจะมีหุ้นกู้ออกมาสูงกว่าที่คาดไว้ 2.5 แสนล้านบาท และเชื่อว่าอาจจะสูงกว่า 2.8 แสนล้านบาทซึ่งเป็นปริมาณหุ้นกู้ที่ออกมาทั้งหมดในปีที่แล้วด้วย ส่วนปริมาณการซื้อขายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในช่วงเดียวกันมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 1.4 หมื่นล้านบาทต่อวัน จากเดิมวันละไม่ถึงหมื่นล้าน

โดยหุ้นที่ออกมาส่วนใหญ่ ยังเป็นกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ โดยมีมูลค่ารวมกันคิดเป็นสัดส่วน 60% ของปริมาณหุ้นกู้ที่ออกมาทั้งหมด

ธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า สาเหตุที่บริษัทเอกชนออกหุ้นกู้มากขึ้น มีทั้งการนำไปรีไฟแนนซ์หนี้เก่าเพื่อรับต้นทุนที่ถูกลงจากการปรับดอกเบี้ย รวมถึงการนำเงินไปลงทุนต่อด้วยการไปซื้อสินทรัพย์ราคาถูกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ช่องทางการกู้เงินในต่างประเทศก็มีน้อยลง เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้นค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ นักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ ควรให้น้ำหนัก 80% กับอันดับเครดิตเรตติ้งเป็นอันดับแรก หลังจากนั้นให้พิจารณาว่า บริษัทผู้ออกเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมหรือไม่ รวมถึงต้องดูด้วยว่าอยู่ในเซกเตอร์ใด เพราะถึงแม้ว่าบริษัทจะได้อันดับเครดิตเท่ากัน แต่อยู่คนละอุตสาหกรรม ก็มีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ปัจจัยสุดท้ายผู้ลงทุนต้องดูระยะเวลาในการลงทุนด้วยว่า สามารถลงทุนได้ยาวแค่ไหน

แนะเลี่ยงหุ้นกู้ปิโตร-เดินเรือ
เลิศชัย กอเจริญรัตนกุล
Senior Director Corporate/Fund บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในงานสัมมนาในหัวข้อ "พันธบัตร/หุ้นกู้ ฮีโร่ตัวจริงยุคการลงทุนผันผวน" ที่จัดขึ้นในงาน Money Expo 2009 ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ย (สเปรด) ของหุ้นกู้กับพันธบัตรรัฐบาลเริ่มมีส่วนต่างกันมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการลดดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความกังวลของนักลงทุนที่ยังมีอยู่ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าเข้ามาลงทุน ดังนั้น เมื่อดีมานด์หายไป จึงส่งผลให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วยเพื่อจูงใจให้เกิดการลงทุนมากขึ้น และปัจจัยดังกล่าว ก็ส่งผลให้สเปรดสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

ปัจจุบันมีบริษัทเอกชนหันมาให้ความสนใจออกหุ้นกู้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากต้นทุนถูกกว่าการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ แต่การลงทุนในหุ้นกู้เองไม่ใช่ว่าน่าลงทุนทั้งหมด ซึ่งสถาวะในช่วงนี้ มองว่าหุ้นกู้ที่ออกโดยกลุ่มปิโครเคมีและธุรกิจเดินเรือ เป็นกลุ่มที่น่าจับตามอง เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจปิโตเคมีอ่อนตัวลง ประกอบการกับบริโภคที่ลดลง ส่งผลให้การส่งออก ได้รับผลกระทบไปด้วย

ดังนั้น จึงแนะนำว่า..."การลงทุนในหุ้นกู้ นักลงทุนจะต้องพิจารณาเป็นรายตัว เพราะแต่ละบริษัทมีฐานะทางการเงินที่ต่างกัน ไม่ได้หมายความว่าเซกเตอร์ใดมีความเสี่ยง แล้วจะลงทุนไม่ได้ทั้งเซกเตอร์ ซึ่งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทุกเซกเตอร์ได้รับผลกระทบหมด แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะได้รับผลกระทบมากหรือน้อย ซึ่งในกลุ่มพลังงานเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่อาจจะน้อยกว่าเซกเตอร์อื่น เนื่องจากความต้องการใช้พลังงานยังมีอยู่ ซึ่งต่างกับรถยนต์ที่ความต้องการลดลงไป"

นอกจาก 2 กลุ่มที่กล่าวไปข้างต้น เขาย้ำว่า กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เองก็น่าจับตามองเช่นกัน เพราะภาพรวมของธุรกิจเปลี่ยนไปเยอะพอสมควรหลังจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการบางส่วนโดยเฉพาะรายเล็กที่ไม่แข็งแกร่งหายไปเยอะ แต่หลังจากเศรษฐกิจฟื้นความสามารถในเชิงธุรกิจไม่เหมือนเดิม ส่วนหนึ่งเพราะธนาคารเองเริ่มเข้มงวดการปล่อยกู้มากขึ้น ดังนั้น ในช่วงนี้ จึงเห็นการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหญ่มากกว่า ซึ่งทำให้หุ้นกู้ของรายใหญ่ยังลงทุนได้ แต่ก็ต้องดูเป็นรายตัวเช่นกัน

ทั้งนี้ ทั้งนั้น...หุ้นกู้ที่ออกโดยกลุ่มพลังงาน ยังเป็นหุ้นกู้ที่น่าลงทุนที่สุด เพราะกลุ่มนี้ยังมีสามารถสร้างกระแสเงินสดเพื่อรอการลงทุนได้ต่อเนื่องในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา

นักลงทุนกล้าเสี่ยงลุยหุ้นกู้เครดิตต่ำกว่าA
ธีรนาถ รุจิเมธาภาส
กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ความน่าสนใจของหุ้นกู้น่าจะยังอยู่ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพราะสเปรดยังอยู่ในระดับสูง ในขณะที่เงินฝากธนาคารเองก็ให้ดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ เช่นเดียวกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น นักลงทุนจึงมองหาช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ส่วนภาพรวมของการลงทุน ในช่วงนี้ นักลงทุนเริ่มกล้าที่จะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นกู้ที่มีอันดับเครดิตต่ำกว่า A หรือ BBB มากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลที่รับความเสี่ยงได้ ซึ่งการที่เศรษฐกิจเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวได้บ้าง ก็เชื่อว่าหลังจากนี้ จะเห็นการปรับเพิ่มอันดับเรตติ้งของหุ้นกู้เอกชนเหล่านี้ขึ้นไปอีกระดับ

สำหรับนักลงทุนที่จะลงทุนในหุ้นกู้ แนะนำว่าไม่ควรลงทุนยาวเกินไป โดยหุ้นกู้อายุ 2-3 ปี น่าจะมีความน่าสนใจมากกว่า แต่ต้องพิจารณาบริษัทผู้ออกด้วยว่า มีฐานะทางการเงินอย่างไรบ้าง มีกระเงินสดเพียงพอหรือไม่ และมีความสามารถในการชำระหนี้คืนด้วย แต่ถ้าต้องการลงทุนยาวแนะนำว่า 3 ปียังลงทุนได้แต่ต้องดูบริษัทที่มีความมั่นคงจริงๆ

ชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ ผู้บริหารฝ่ายจัดการกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทย ให้มุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยว่า การพิจารณาดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในครั้งต่อไปวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ คาดว่า กนง.จะปรับลดดอกเบี้ยลงได้อีก 0.25% เนื่องจากมองว่าธนาคารกลางของประเทศต่างๆ ทั่วโลก จะยังคงให้น้ำหนักกับการบริหารค่าเงินไม่ให้ผันผวนเกินไป และต้องการดูแลอัตราเงินเฟ้อในอนาคตด้วย

ทั้งนี้ ตลาดเองก็คาดการณ์ว่าดอกเบี้ยจะปรับลดลงเช่นกัน เห็นได้จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดเริ่มปรับลงรับข่าวล่วงหน้าไปแล้ว

เขากล่าวแนะนำต่อว่า สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตราสารหนี้ แนะนำให้จัดสรรเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในมั่นนี่มาร์เกตที่มีสภาพคล่องสูงก่อนสัก 50% โดยอาจจะเลือกกองทุนที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนด้วย ส่วนที่เหลืออาจจะจัดสรรไปลงทุนในหุ้นกู้เอกชน โดยสามารถเลือกลงทุนได้ตามความเสี่ยง ซึ่งหลังจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี คาดว่าจะมีปริมาณหุ้นกู้ออกมาอีกเป็นจำนวนมากไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท

กำลังโหลดความคิดเห็น