เอ็มเอฟซีลุยบอนด์เกาหลี-ยุโรป ลุยพันธบัตรภาครัฐเน้นเรตติ้งสูงลิ่ว

ASTVผู้จัดการรายวัน - บลจ.เอ็มเอฟซี ร่วมแจมบอนด์ต่างประเทศ เล็งส่งกองทุนลุยตราสารหนี้เกาหลี และยุโรป เผยชูความต่าง ลงทุนในประเทศที่ยังไม่มีในตลาด ย้ำเน้นพันธบัตรรัฐบาลเรตติ้งสูง-ความเสี่ยงต่ำเป็นหลัก มั่นใจยังลทุนได้ เหตุกลุ่มประเทศยุโรป รับมือวิกฤตเศรษฐกิจได้ 

 นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บลจ.เอ็มเอฟซี สนใจออกกองทุนต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) ที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศเช่นกัน ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของกลุ่มประเทศในยุโรป โดยจะเน้นการลงทุนในประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเป็นหลัก ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศเกาหลีใต้เอง ก็สนใจออกกองทุนเช่นกัน โดยคาดว่าเร็วๆ นี้ น่าจะสามารถเปิดขายกองทุนได้
 
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลของกลุ่มประเทศในยุโรปที่จะลงทุนนั้น อาจจะแตกต่างจากกองทุนที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้บ้าง แต่ยังเน้นลงทุนในนั่นคือ ต้องมีอันดับเครดิตที่สูงมากๆ และเน้นเป็นพันธบัตรรัฐบาลเป็นหลัก

 อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าปัจจุบันการลงทุนในต่างประเทศจะยังคงมีความกังวลเรื่องผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่ในส่วนของยุโรปเอง ที่น่าเป็นห่วงจะเป็นยุโรปตะวันออกมากกว่า แต่แน่นอนว่าผลกระทบต่อกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันตกเองก็มีเช่นกัน ซึ่งปัญหาในยุโรปเองยังอยู่ในช่วงของการแก้ไขอยู่ แต่ก็เชื่อว่าวิกฤตครั้งนี้ หลายประเทศค่อนข้างรับมือได้ดี มีการร่วมมือเป็นอย่างดีระหว่างประเทศต่างๆ ทั่วโลกซึ่งดีกว่าวิกฤตในช่วงที่ผ่านๆมา ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือ หรือจะเป็นองค์ความรู้ในการแก้ไขปัญหา
"สำหรับเศรษฐกิจยุโรปเองในขณะนี้ ดาวน์ไซด์คงต่ำลงแล้ว ซึ่งการลงทุนในตราสารหนี้ โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลที่มีอันดับเครดิตสูงๆ น่าจะอยู่ในระดับที่สามารถรับได้และพอลงทุนได้"นายพิชิตกล่าว

 ล่าสุด ระหว่างวันที่ 22-28 เมษายนนี้ บริษัทจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกของกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี พันธบัตรเกาหลี 1 โดยกองทุนมีอายุโครงการประมาณ 1 ปี และจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐของประเทศเกาหลีใต้เป็นหลัก

 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บลจ.เอ็มเอฟซี กำลังอยู่ระหว่างการเปิดขายกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี อินเตอร์เนชั่นแนล ออยล์ ฟันด์ หรือ I-OIL เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในน้ำมันซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทหนึ่ง ซึ่งในช่วงเวลานี้ เป็นจังหวะที่ดีสำหรับการเข้าลงทุนในช่วงน้ำมันราคาถูก และสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในอนาคต เนื่องจากราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลงจากที่เคยอยู่ระดับสูงสุด 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อกลางปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 45-54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะอยู่ที่ประมาณ 61 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในสิ้นปีนี้ (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 7 เมษายน 2552
สำหรับกองทุนเปิด I-OIL ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จะลงทุนในกองทุนน้ำมันต่างประเทศ PowerShares DB Oil Fund และลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงิน กองทุนดังกล่าวจะเป็นทางเลือกสำหรับตอบสนองนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในน้ำมัน เพื่อกระจายความเสี่ยงในการลงทุนนอกเหนือไปจากการลงทุนในตราสารหนี้ และตราสารทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสเพื่อรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในต่างประเทศ นักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจถึงปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นอย่างดี และนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้สูง ซึ่งกองทุนนี้จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ต่างจากกองทุนเปิด I-OIL 15S1 เนื่องจากเป็นกองทุนเปิดที่สามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ มีการป้องกันความเสี่ยงโดยการทำ Dynamic He

 ทั้งนี้ กองทุน PowerShares DB Oil Fund ซึ่งบริหารโดย DB Commodity Services LLC มีนโยบายการลงทุนในสัญญาฟิวเจอร์สของน้ำมันดิบ (light sweet crude oil-WTI) และเป็น Exchange Traded Fund (ETF) คือซื้อขายเหมือนหุ้นตัวหนึ่งบนตลาดหลักทรัพย์อเมริกัน (AMEX) และผลตอบแทนกองทุนจะใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีอ้างอิง (Deutsche Bank Liquid Commodity Index-Optimum Yield Crude Oil Excess Return)