ผ่านผ้นไปแล้ว สำหรับไตรมาสแรกของปี 2552...ซึ่งหากจะพูดถึงภาพรวมการลงทุนแล้ว ต้องบอกว่า หลายๆ อย่างไม่มีอะไรที่เหนือความคาดหมายมากนัก ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อเนื่องที่เป็นลูกโว่จากวิกฤตการเงินโลก จนเป็นปัจจัยกดดันให้รัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก ต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา
ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นเอง ก็ผันผวนอย่างที่หลายคนคาดการณ์เช่นกัน รวมไปถึงหุ้นไทยที่ผันผวนตามปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่ง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หากจะถามถึงผลตอบแทนแล้ว ต้องบอกว่ายังขาดทุนอยู่ เนื่องจากดัชนียังต่ำกว่าดัชนีวันสุดท้ายของปลายปี 2551 ที่ 449 จุด...แต่ในช้วงระหว่างทางเอง ดัชนีที่ขึ้นๆ ลงๆ ก็เป็นจังหวะให้นักลงทุนทำกำไรได้เช่นกัน เช่นเดียวกับกองทุนหุ้น หากสามารถปรับกลยุทธ์ได้ถูกจังหวะ ผลตอบแทนก็จะออกมาดีเช่นกัน
วันนี้ คอลัมน์ "Best of Fund" มีรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาว่า กองทุนที่ให้ผลตอบแทน 10 อันดับแรก มีกองไหนบ้าง แล้วผลตอบแทนเป็นยังไง
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 95.61% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ดัชนีตลาดหลักทรัพย์) 99.71%
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสูงถึง 95.61% ดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลตอบแทนสะสมจากการลงทุน และส่วนที่เพิ่มขึ้นมา เกิดจากการขายหน่วยลงทุนของลูกค้า ทำให้กองทุนมีค่าธรรมเนียนการขายเข้ามาในกองทุน ส่งผลให้เอ็นเอวีเพิ่มสูงขึ้นเป็น 13.3114 บาท (31 มี.ค.) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเอ็นเอวีในช่วงต้นปีที่ 7.1315 บาท ทั้งนี้ เพื่อทำความเข้าใจกับนักลงทุนสำหรับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นดังกล่าว
สำหรับ กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 ได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 กองทุนหุ้นกองที่ 2 ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.อยุธยาเช่นกัน โดยกองทุนดังกล่าว ให้ผลตอบแทนย้อนหลังต้นแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.15% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 14.25% โดยกองทุนนี้ ก็ประสบกับการขายหน่วยลงทุนออกไปเช่นกัน ส่งผลให้เอ็นเอวีของกองทุนเพิ่มขึ้นจากค่าฟี และทำให้ผลตอบแทนออกมาค่อนข้างสูงดังกล่าว
อันดับที่ 3 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล กองทุนที่ 3 ของบลจ.อยุธยา โดยกองทุนนี้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 4.15% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 8.25% ซึ่งผลการดำเนินงานของกองทุนนี้ น่าจะเห็นภาพผลตอบแทนที่มาจากการลงทุนจริงๆ เพราะจากการสำรวจเอ็นเอวีของกองทุนไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักจากต้นปี
อันดับ 4 กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ ของบลจ.อเบอร์ดีน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.63% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 6.73%
อันดับ 5 กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ของบลจ.บัวหลวง ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.14% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 5.24%
อันดับ 6 กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส กองทุนที่ 2 ใน 10 อันดับแรกของ บลจ.อเบอร์ดีน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.01% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.11%
อันดับ 7 กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกรท กองทุนที่ 3 ใน 10 อันดับแรกของ บลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.11% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.99%
อันดับ 8 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ทวีทรัพย์ 3 กองทุนหุ้นในพอร์ตของบลจ.ไทยพาณิชย์ โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.48% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.62%
อันดับ 9 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง กองทุนที่ 2 ใน 10 อันดับแรกของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.62% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.48%
และอันดับ 10 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ทวีทรัพย์ 2 กองทุนที่ 3 ใน 10 อันดับแรกของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.66% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.44%
ทั้งนี้ ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน -4.10%
เปิดพอร์ตกองทุนอันดับ 1
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนภายใต้นโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้ตลอดจนสภาวการณ์เศรษฐกิจต่าง ๆ โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ขณะเดียวกัน กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ครั้ง โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานสิ้นสุดตามช่วงเวลาที่บริษัทจัดการเห็นสมควร ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลหรือกำไรสะสมแล้วแต่กรณี ส่วนประวัติการจ่ายปันผลที่ผ่านมา กองทุนจ่ายไปทั้งหมด 53 ครั้ง จำนวนเงินปันผลทั้งหมด 6.4975 บาท
ทั้งนี้ 5 หมวดหลักทรัพย์แรกที่ลงทุน (ณ วันที่ 31 มี.ค. 2552) ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค 3.72% หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 2.93% หมวดธนาคาร 2.21% หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ 1.83% หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1.17%
ส่วน 10 อันดับแรกของหลักทรัพย์ที่ลงทุน (ณ วันที่ 31 มี.ค. 2552) ประกอบด้วย บมจ.บีอีซี เวิลด์ 1.83% บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 1.79% บมจ.ปตท 1.50% บมจ.บ้านปู 1.27% บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น 1.15% บมจ.ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 0.96% บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป 0.62% บมจ.ธ.กสิกรไทย 0.62% บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 0.61%
บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา 0.56%
ส่วนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นเอง ก็ผันผวนอย่างที่หลายคนคาดการณ์เช่นกัน รวมไปถึงหุ้นไทยที่ผันผวนตามปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่ง ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หากจะถามถึงผลตอบแทนแล้ว ต้องบอกว่ายังขาดทุนอยู่ เนื่องจากดัชนียังต่ำกว่าดัชนีวันสุดท้ายของปลายปี 2551 ที่ 449 จุด...แต่ในช้วงระหว่างทางเอง ดัชนีที่ขึ้นๆ ลงๆ ก็เป็นจังหวะให้นักลงทุนทำกำไรได้เช่นกัน เช่นเดียวกับกองทุนหุ้น หากสามารถปรับกลยุทธ์ได้ถูกจังหวะ ผลตอบแทนก็จะออกมาดีเช่นกัน
วันนี้ คอลัมน์ "Best of Fund" มีรายงานผลการดำเนินงานของกองทุนหุ้นในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาว่า กองทุนที่ให้ผลตอบแทน 10 อันดับแรก มีกองไหนบ้าง แล้วผลตอบแทนเป็นยังไง
สำหรับกองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 1 ได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา จำกัด โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 95.61% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน (ดัชนีตลาดหลักทรัพย์) 99.71%
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสูงถึง 95.61% ดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลตอบแทนสะสมจากการลงทุน และส่วนที่เพิ่มขึ้นมา เกิดจากการขายหน่วยลงทุนของลูกค้า ทำให้กองทุนมีค่าธรรมเนียนการขายเข้ามาในกองทุน ส่งผลให้เอ็นเอวีเพิ่มสูงขึ้นเป็น 13.3114 บาท (31 มี.ค.) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเอ็นเอวีในช่วงต้นปีที่ 7.1315 บาท ทั้งนี้ เพื่อทำความเข้าใจกับนักลงทุนสำหรับผลตอบแทนที่เกิดขึ้นดังกล่าว
สำหรับ กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเป็นอันดับ 2 ได้แก่ กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล 70/30 กองทุนหุ้นกองที่ 2 ภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.อยุธยาเช่นกัน โดยกองทุนดังกล่าว ให้ผลตอบแทนย้อนหลังต้นแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.15% สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 14.25% โดยกองทุนนี้ ก็ประสบกับการขายหน่วยลงทุนออกไปเช่นกัน ส่งผลให้เอ็นเอวีของกองทุนเพิ่มขึ้นจากค่าฟี และทำให้ผลตอบแทนออกมาค่อนข้างสูงดังกล่าว
อันดับที่ 3 กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผล กองทุนที่ 3 ของบลจ.อยุธยา โดยกองทุนนี้ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 4.15% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 8.25% ซึ่งผลการดำเนินงานของกองทุนนี้ น่าจะเห็นภาพผลตอบแทนที่มาจากการลงทุนจริงๆ เพราะจากการสำรวจเอ็นเอวีของกองทุนไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักจากต้นปี
อันดับ 4 กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สมอลแค็พ ของบลจ.อเบอร์ดีน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 2.63% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 6.73%
อันดับ 5 กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม ของบลจ.บัวหลวง ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 1.14% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 5.24%
อันดับ 6 กองทุนเปิดอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส กองทุนที่ 2 ใน 10 อันดับแรกของ บลจ.อเบอร์ดีน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 0.01% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 4.11%
อันดับ 7 กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกรท กองทุนที่ 3 ใน 10 อันดับแรกของ บลจ.อเบอร์ดีน ซึ่งกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.11% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.99%
อันดับ 8 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ทวีทรัพย์ 3 กองทุนหุ้นในพอร์ตของบลจ.ไทยพาณิชย์ โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.48% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.62%
อันดับ 9 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์มั่นคง กองทุนที่ 2 ใน 10 อันดับแรกของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ที่ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.62% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.48%
และอันดับ 10 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ทวีทรัพย์ 2 กองทุนที่ 3 ใน 10 อันดับแรกของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ให้ผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ -0.66% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ 3.44%
ทั้งนี้ ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน -4.10%
เปิดพอร์ตกองทุนอันดับ 1
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาทุนทวีปันผล 70/30 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนภายใต้นโยบายการลงทุนที่กำหนดไว้ตลอดจนสภาวการณ์เศรษฐกิจต่าง ๆ โดยกองทุนมีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
ขณะเดียวกัน กองทุนมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าปีละ 2 ครั้ง โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานสิ้นสุดตามช่วงเวลาที่บริษัทจัดการเห็นสมควร ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิในงวดบัญชีที่จะจ่ายเงินปันผลหรือกำไรสะสมแล้วแต่กรณี ส่วนประวัติการจ่ายปันผลที่ผ่านมา กองทุนจ่ายไปทั้งหมด 53 ครั้ง จำนวนเงินปันผลทั้งหมด 6.4975 บาท
ทั้งนี้ 5 หมวดหลักทรัพย์แรกที่ลงทุน (ณ วันที่ 31 มี.ค. 2552) ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค 3.72% หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 2.93% หมวดธนาคาร 2.21% หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ 1.83% หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 1.17%
ส่วน 10 อันดับแรกของหลักทรัพย์ที่ลงทุน (ณ วันที่ 31 มี.ค. 2552) ประกอบด้วย บมจ.บีอีซี เวิลด์ 1.83% บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส 1.79% บมจ.ปตท 1.50% บมจ.บ้านปู 1.27% บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น 1.15% บมจ.ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตรเลียม 0.96% บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป 0.62% บมจ.ธ.กสิกรไทย 0.62% บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 0.61%
บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา 0.56%