xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.บัวหลวงหั่นรายได้TFUND วิกฤติเศรษฐกิจทำพิษแต่มั่นใจทั้งปีไม่เกิน90%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.บัวหลวงปรับรายได้จากอัตราค่าเช่า-อัตราการเช่า "กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน" ลงเหลือ 90-93% หลังเจอพิษวิกฤติเศรษฐกิจ ผู้จัดการกองทุน เชื่อรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 90% เเน่ เหตุมีผู้เช่ารายใหม่เพิ่ม พร้อมกับผู้เช่าเก่าต่อสัญญาเเม้กองทุนจะขยับราคาค่าเช่า

นายสุทธิพงศ์ พัวพันธ์ประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายจัดการลงทุน กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเช่นกัน ซึ่งทางเรามองว่ารายได้จากค่าเช่าเเละอัตราการเช่าของปีนี้น่าจะลดลง เเต่คาดว่ารายได้นั้นจะไม่ต่ำกว่า 90% เเน่นอน โดยเฉลี่ยเเล้วจะได้รายได้จากค่าเช่าประมาณ 90-93% โดยในปีที่ 2551 ที่ผ่านมากองทุนได้รับรายได้ในส่วนดังกล่าวประมาณ 97%

โดยเมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมากองทุนมีผู้เช่าใหม่จำนวน 2 ราย พร้อมทั้งมีผู้เช่าที่เคยเช่าก่อนหน้านี้ตกลงต่อสัญญาเช่าอีก นอกจากนี้ทางกองทุนก็ไดัปรับราคาค่าเช่าที่ดินเเละโรงงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย ขณะเดียวกันในช่วงนี้นักลงทุนรายย่อยสนใจเข้ามาลงทุนในกองทุน TFUND เป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน

"เรากำลังอยู่ในช่วงศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ใหม่ๆอยู่ทั้ง ออฟฟิศ โรงเเรม เซอร์วิสอพาธ์เมนต์ เเละโรงงานอุตสหกรรม ซึ่งคาดว่าไตรมาส 3 นี้น่าจะมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กองใหม่ให้นักลงทุนได้เลือกลงทุน "นายสุทธิพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด มีมุมมองต่อกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวทำให้อัตราการส่งออกสินค้าของไทยลดลง เราคาดว่าจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นผู้เช่าของ TFUND ได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ซึ่งน่าจะส่งให้ผู้เช่า มีการต่อรองขอปรับลดค่าเช่าลง ฉะนั้นเราได้ปรับสมมติฐานให้ในปีนี้อัตราค่าเช่าปรับลดลงประมาณ 5.0% และปรับลดอัตราการเช่าลดลงจาก 95% เป็น 93% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เราได้มาจากการสอบถามจากผู้บริหารของTFUND

จากราคาของ TFUND ที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมากจากระดับประมาณ 10 บาทต้นๆ มาที่ระดับประมาณ 8 บาท นั้น เท่าที่ได้ข้อมูลจากผู้บริหาร พบว่าเป็นเพราะผู้ถือหน่วยชาวต่างชาติรายหนึ่งมีการขายออกมาในตลาด ประกอบช่วงที่ผ่านมาภาวะตลาดทำให้สภาพคล่องค่อนข้างน้อย ราคาจึงปรับตัวลดลงค่อนข้างมากโดยฝ่ายวิจัยประมาณการณ์ว่า ณ ระดับราคาดังกล่าวมีความน่าสนใจค่อนข้างมาก เนื่องจากจะให้อัตราผลตอบแทนถึงประมาณ 10% ตามการประมาณการอัตราเงินปันผลที่เราคาดไว้ในปีนี้ที่ 0.82 บาท/หน่วย จึงยังคงคำแนะนำให้ซื้อต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามการปรับลดลงอัตราค่าเช่า และอัตราการเช่าลง มีผลทำให้ราคาเป้าหมายของเราลดลงจากเดิมที่ 11.10 บาทต่อหน่วยเป็น 10.20 บาทต่อหน่วย

สำหรับการลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนในปัจจุบันจะลงทุนในที่ดิน อาคารโรงงานและคลังสินค้ามาตรฐานจำนวน 174 โรงของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) มีจำนวนเงินทุนโครงการภายหลังการเพิ่มทุนครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2551 เท่ากับ 7,771.05 ล้านบาทพอร์ตสินทรัพย์ของ TFUND ประกอบด้วยโรงงาน 175 โรงด้วยพื้นที่ 416,975 ตร.ม.ซึ่งโรงงานจะตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรม 8 แห่งศูนย์การขนส่ง 1 แห่ง ทั้งในชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก (Eastern Seaboard) และในภาคกลาง คืออยุธยา, ชลบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการและระยองซึ่งใกล้กับสนามบิน, ท่าเรื่อ, นิคมอุตสาหกรรมที่สำคัญและจุดเชื่อมต่อการขนส่ง TFUND จดทะเบียนในตลาดฯ ในเดือน พ.ค. 2548 โดยโรงงานทั้งหมดเป็นโรงงานของ TICON ซึ่งยังคงเป็นผู้จัดการอสังหาฯTFUND มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิประจำปีและอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดฯ TFUND จ่ายเงินปันผลทุกไตรมาสด้วยอัตราจ่ายเงินปันผลที่ประมาณ 100%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน ได้เปิดเผยรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนรายใหญ่ 10 ราย ณ วันที่ 16 มีนาคม 2552 ดังนี้ อันดับที่ 1.บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) มีหน่วยลงทุนในกองทุนถึง 32.14%อันดับที่ 2.ธนาคารกรุงเทพ 8.25% อันดับที่ 3.บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 7.39% อันดับที่4. AYUDHYA ALLIANZ C.P. LIFE PUBLIC COMPANY 6.85% อันดับที่ 5.สำนักงานประกันสังคม (2 กรณี) 6.59% อันดับที่ 6. GE REAL ESTATE INVESTMENT HOLDINGS. 6.58% อันดับที่ 7.STATE STREET BANK AND TRUST COMPANY FOR LONDON 5.10% อันดับที่ 8. บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) 2.66% อันดับที่ 9.ธนาคาร ทหารไทย 1.52% เเละอันดับที่ 10 บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) 1.26%
กำลังโหลดความคิดเห็น