กรุงเทพประกันชีวิต กำหนดช่วงราคาขายไอพีโอ 12.50-14 บาทต่อหุ้น ระดมทุนประมาณ 2.5-2.8 พันล้านบาท หวังสร้างฐานทุนแข็งแกร่ง คาดสรุปราคา26 ก.ย. และเข้าเทรด กลางเดือนต.ค.นี้ หากการเมืองคลี่คลาย เผยสัปดาห์นี้โรดโชว์นักลงทุนในประเทศ
นายเอกจักร บัวหภักดี ผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ( CNS ) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นของบริษัทกรุงเทพประกันชีวิตที่ 12.50-14 บาทต่อ ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท หุ้น ซึ่งจะได้เงินระดมทุนประมาณ 2,500-2,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าจะสรุปราคาเสนอขายหุ้นได้ในวันที่ 26 กันยายน จากการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้นจากนักลงทุนสถาบัน (บุ๊กบิวดิ้ง) และในสัปดาห์นี้ บริษัทจะ นำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)แก่นักลงทุนทั่วไป ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดจะเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นในวันที่ 29 กันยายน ถึงวันที่ 3 ตุลาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้
"ในเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อหุ้นในวันที่ 29 ก.ย. -3 ต.ค. ส่วนวันแรกนั้นจะต้องหารือกับทางผู้บริหารของบริษัทกรุงเทพประกันชีวิตก่อน และดูปัจจัยทางการเมืองก่อนว่าจะเอื้อต่อการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ โดยขณะนี้คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ประมาณกลางเดือนหน้า " นายเอกจักร กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไป เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเพื่อเงินกองทุนของบริษัทให้แข็งแกร่ง สร้างความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้าและรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต โดยผลการดำเนินงานปี 2550 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ สุทธิ 12,295.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.84 % มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอัตราเบี้ยประกันภัยรับของอุตสาหกรรมซึ่งเติบโต 16.38% และบริษัทมีการลงทุนรวม 2,115.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 389.88 ล้านบาทหรือ 22.59% ซึ่งเกิดจากฐานเงินทุนที่มีการขยายตัวโดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม และบริษัทมีกำไรสุทธิ 769.98 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในช่วง 6 เดือนแรกปี 2551 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ 6,569.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
28.96% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับสุทธิผ่านทางช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทางธนาคารเป็นหลัก และบริษัทมีรายได้จากการลงทุนรวม 1,181.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.71% โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 500.86 ล้านบาท หรือลดลง 0.15% ซึ่งกำไรที่ลดลงเกิดจากกำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส2/51 บริษัทมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 44,122.61 ล้านบาท เป็นส่วนของเงินสำรงประกันเชีวิต 37,525.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.65% จากปี2550 การกันสำรองประกันชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการกันสำรองเพิ่มขึ้นจากกรมธรรม์ที่มีผลบังค้บใช้เดิม รวมกับกรมธรรม์รายใหม่ที่ขายได้ในไตรมาส1และไตรมาส2 ปีนี้ โดยบริษัทมีกำไรสะสม 1,176.60 ล้านบาท
นายเอกจักร บัวหภักดี ผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ( CNS ) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นของบริษัทกรุงเทพประกันชีวิตที่ 12.50-14 บาทต่อ ที่จะเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท หุ้น ซึ่งจะได้เงินระดมทุนประมาณ 2,500-2,800 ล้านบาท
ทั้งนี้ คาดว่าจะสรุปราคาเสนอขายหุ้นได้ในวันที่ 26 กันยายน จากการสำรวจความสนใจจองซื้อหุ้นจากนักลงทุนสถาบัน (บุ๊กบิวดิ้ง) และในสัปดาห์นี้ บริษัทจะ นำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)แก่นักลงทุนทั่วไป ซึ่งเบื้องต้นได้กำหนดจะเปิดให้มีการจองซื้อหุ้นในวันที่ 29 กันยายน ถึงวันที่ 3 ตุลาคมนี้ และคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้
"ในเบื้องต้นคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อหุ้นในวันที่ 29 ก.ย. -3 ต.ค. ส่วนวันแรกนั้นจะต้องหารือกับทางผู้บริหารของบริษัทกรุงเทพประกันชีวิตก่อน และดูปัจจัยทางการเมืองก่อนว่าจะเอื้อต่อการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่ โดยขณะนี้คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ประมาณกลางเดือนหน้า " นายเอกจักร กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไป เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเพื่อเงินกองทุนของบริษัทให้แข็งแกร่ง สร้างความน่าเชื่อถือต่อคู่ค้าและรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต โดยผลการดำเนินงานปี 2550 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับ สุทธิ 12,295.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.84 % มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอัตราเบี้ยประกันภัยรับของอุตสาหกรรมซึ่งเติบโต 16.38% และบริษัทมีการลงทุนรวม 2,115.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 389.88 ล้านบาทหรือ 22.59% ซึ่งเกิดจากฐานเงินทุนที่มีการขยายตัวโดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม และบริษัทมีกำไรสุทธิ 769.98 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามในช่วง 6 เดือนแรกปี 2551 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับสุทธิ 6,569.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
28.96% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของเบี้ยประกันภัยรับสุทธิผ่านทางช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านทางธนาคารเป็นหลัก และบริษัทมีรายได้จากการลงทุนรวม 1,181.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.71% โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ 500.86 ล้านบาท หรือลดลง 0.15% ซึ่งกำไรที่ลดลงเกิดจากกำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส2/51 บริษัทมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 44,122.61 ล้านบาท เป็นส่วนของเงินสำรงประกันเชีวิต 37,525.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.65% จากปี2550 การกันสำรองประกันชีวิตที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลจากการกันสำรองเพิ่มขึ้นจากกรมธรรม์ที่มีผลบังค้บใช้เดิม รวมกับกรมธรรม์รายใหม่ที่ขายได้ในไตรมาส1และไตรมาส2 ปีนี้ โดยบริษัทมีกำไรสะสม 1,176.60 ล้านบาท
