บลจ. บีทีแนะช่องลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสวย 5 – 6% หลังอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ผลตอบแทนเงินฝากไม่จูงใจ พร้อมชู ความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นกู้ เผยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 มนตรี สโตร์เรจ ได้ฤกษืเปิดขายหลังสงกรานต์นี้
นายนกุล ไชยนิล ผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บีที จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่อัตราดอกเบี้ยมีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีการปรับลดลงไปอีก ส่งผลให้นักลงทุนหลายรายต่างหาช่องทางใหม่ ๆ ในการลงทุน และในปีนี้ถือว่าเป็นปีทองของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากกองทุนประเภทดังกล่าว สามารถให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าดึงดูดแก่นักลงทุน ซึ่งผลตอบแทนที่อยู่ในระดับ 5 – 6% ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากในขณะนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนยังได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ในการลงทุนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเข้าไปลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ต้องเข้าไปลงทุนในระยะยาวจึงจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้น ถ้านักลงทุนจะเลือกลงทุน น่าจะแบ่งเงินบางส่วนเพื่อเป็นการกระจายการลงทุนในอีกรูปแบบหนึ่งด้วย ซึ่งถ้าเทียบกับการลงทุนในหุ้นกู้บริษัทเอกชนที่ออกมาระยะเวลายาวเช่นเดียวกัน นักลงทุนบางรายอาจจะมองว่าสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ความเสี่ยงก็ยังมีอยู่เมื่อเทียบกับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากนักลงทุนอาจจะไม่ทราบ ว่าบริษัทที่เราเข้าไปลงทุนนั้นมีฐานะทางการเงินเป็นอย่างไร หรือมีความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน และในอีก 5 ปีข้างหน้าทรัพย์สินของบริษัทที่ออกหุ้นกู้นั้นจะมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร
“การเข้าไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เราสามารถเป็นเจ้าของได้ ที่ดินสิ่งปลูกสร้างเราสามารถจับต้องได้ และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนได้”นายนกุลกล่าว
นายนกุล ยังกล่าวต่อไปว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดี เพราะเมื่อลองพิจารณาดูแล้ว แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะปรับขึ้นยังเป็นเรื่องยาก และมองว่าจะยังคงซึม ๆ อย่างนี้ไปอีกระยะยาว ดังนั้น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักลงทุนควรแบ่งเงินเข้ามาลงทุน เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในอีกรูปแบบหนึ่ง
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 มนตรี สโตร์เรจ (101 Montri Storage Property Fund หรือ MONTRI) ที่มีแผนจะเปิดขายในช่วงสิ้นเดือนมีนาคม หรือต้นเดือนเมษายน 2552 นั้น ขณะนี้ยังต้องรอการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขั้นสุดท้าย และคาดว่าจะสามารถออกขายได้ในช่วงหลังสงกรานต์นี้
ทั้งนี้ กองทุนอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 มนตรี สโตร์เรจ เคยมีแผนจะเปิดขายแล้วในช่วงปลายปีที่ผ่านมาแต่ต้องมีการชะลอการเปิดขายออกไปเนื่องจากว่าประสบกับปัญหาทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้กองทุนต้องเลื่อนการขายออกไป แต่เมื่อภาวะทางการเมืองเรื่องคลี่คลายรวมถึงรัฐบาลเริ่มมีนโยบายการบริหารงานที่ชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทเตรียมเปิดขายกองทุนดังกล่าวอีกครั้ง
"ในปีนี้ถึงแม้ว่ายังคงมีปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจจะมียังคงไม่นิ่ง แต่คาดว่าจะไม่มีความรุนแรงมากเหมือนปีที่ผ่านมา และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะคลี่คลายลงไปได้ เพราะจะเห็นได้ว่าในปีนี้ ผู้จัดการกองทุนต่าง ๆ ได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาสู้กันตั้งแต่ต้นปี หลังจากที่อัดอั้นเก็บไว้ในปีที่ผ่านมาทำให้ไม่ได้ออกกองทุนใหม่ ๆ มากนัก เช่นเดียวกับ บลจ. บีที ที่ก่อนหน้านี้มีแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ แต่ต้องมาเจอกับปัญหาทางการเมืองทำให้ต้องชะงักเลื่อนการขายออกไปเช่นเดียวกัน" นายนกุล กล่าว
นายนกุล ยังกล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทเองจะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วยกันทั้งสิ้น 3 กองทุน โดยกองแรกที่เปิดขายจะเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 มนตรี สโตร์เรจ และในครึ่งปีหลังจะออกอีก 2 กองทุนโดยจะเป็นประเภทเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ทั้ง 2 กองทุน ซึ่งจะมีมูลค่ากองทุนละ 800 - 1,000 ล้านบาท
สำหรับกองทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แบบมีกรรมสิทธิ์ 101 สโตร์เรจ ที่คาดว่าจะสามารถเปิดขายได้ในช่วงเดือนมีนาคม นี้ เป็นสินทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 101 บนเนื้อที่กว่า 39 ไร่ ด้วยมูลค่าโครงการ 603 ล้านบาท สำหรับจุดเด่นของกองทุนนี้จะลงทุนในอาคารรับฝากสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นกองทุนแรกของไทย โดยจะประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ 6 ปีแรก ในอัตราไม่ต่ำกว่า ร้อยละ 7 ต่อปีโดยมีการค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ และผลตอบแทนของกองทุนจะจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยไม่เกินปีละ 2 ครั้ง