บลจ.นครหลวงไทยเดินหน้าแก้ไขเพิ่มเติมโครงการกองทุน 5 กองทุน โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน พร้อมยกเลิกการกำหนดขนาดของกองทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ยังอยู่ในระหว่างเปิดขายกองทุนตราสารหนี้เกาหลีใต้จำนวน 2 กองทุน ตั้งแต่วันที่ 11-17 มีนาคมนี้ ชูผลตอบแทนที่ 2.75% ต่อปี และที่ 4.40% ต่อปี
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการจัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เห็นชอบให้บริษัทฯ แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการจัดการกองทุนดังต่อไปนี้ กองทุนเปิดแมกซ์สะสมทรัพย์ 1 คุ้มครองเงินต้น (MAX SP1), กองทุนเปิดแมกซ์สะสมทรัพย์ 3 คุ้มครองเงินต้น (MAX SP3), กองทุนเปิดแมกซ์สะสมทรัพย์ 6/3 คุ้มครองเงินต้น (MAX SP6/3), กองทุนเปิดแมกซ์สะสมทรัพย์ 9/1 คุ้มครองเงินต้น (MAX SP9/1), และกองทุนเปิดแมกซ์ตราสารหนี้3 (MAX FIX IN3)
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการจัดการกองทุนดังกล่าวในหัวข้อ (A) ข้อ 14. การเสนอขายภายหลังการเสนอขายครั้งแรก, (B) ข้อ 16. การรับซื้อคืนหน่วยลงทุน, (C) ข้อ 17.การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน, (D) ข้อ 29. การเลิกโครงการจัดการกองทุนรวม, และ (E) ข้อ 30. การดำเนินการเมื่อเลิกโครงการ
สำหรับรายละเอียดดังกล่าวสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ 1.เดิม บริษัทฯ เปิดให้ผู้ลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนได้ตลอดระยะเวลา 5 หรือ 3 วันทำการแรกของเดือนหลังจากวันทำรายการขายคืนหน่วยลงทุน ส่วนเงื่อนไขใหม่ ผู้ลงทุนจะต้องส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนในระยะเวลา 5 หรือ 3 วันทำการก่อนวันทำรายการซื้อ ขายคืน และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน
2.สำหรับกองทุน MAX SP1, MAX SP3 และกองทุนเปิด MAX FIX IN3 เดิม ผู้ลงทุนสามารถทำรายการซื้อหน่วยลงทุนได้ตลอดทุกวันระหว่างระยะเวลาที่บริษัทเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนจะได้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ในวันทำการซื้อหน่วยลงทุนนั้นๆ ส่วนเงื่อนไขใหม่ ผู้ลงทุนที่ประสงค์จะซื้อหน่วยลงทุนจะต้องส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนล่วงหน้าก่อนวันทำการซื้อหน่วยลงทุน ระหว่างเวลา 8.30 น. – 13.00 น. และบริษัทฯ จะทำการซื้อขายหน่วยลงทุนในวันทำการถัดจากวันทำการสุดท้ายของระยะเวลาการเปิดรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน
3.ยกเลิกการกำหนดขนาดของกองทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท ทั้งนี้ การแก้ไขดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ สข/น. 32/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดการกองทุน ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ทั้งนี้ หากท่านผู้ถือหน่วยลงทุนมีข้อสงสัยประการใด กรุณาติดต่อ บลจ.นครหลวงไทย ฝ่ายบริการลูกค้า Call Center โทร. 0-2624-8555 หรือสามารถดูรายละเอียดการแก้ไขโครงการได้ที่ www.sci-asset.com
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ 1. กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม เอเอฟ 3M2/09 (SCI FTAF3M2/09) 2. กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M3/09 (SCI INGI12M3/09) โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวในระหว่างวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 และมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท
สำหรับ กองทุนFTAF3M2/09 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 3 เดือน โดยจะเน้นลงทุน ใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) ประมาณ 75% ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยประมาณการผลตอบแทน 2.75% ต่อปี ส่วนกองทุนINGI12M3/09 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 12 เดือน ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ FIFลงทุน ใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) เกือบทั้งหมด ประมาณการผลตอบแทน 4.40% ต่อปี ทั้ง 2 กองทุน ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการจัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เห็นชอบให้บริษัทฯ แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการจัดการกองทุนดังต่อไปนี้ กองทุนเปิดแมกซ์สะสมทรัพย์ 1 คุ้มครองเงินต้น (MAX SP1), กองทุนเปิดแมกซ์สะสมทรัพย์ 3 คุ้มครองเงินต้น (MAX SP3), กองทุนเปิดแมกซ์สะสมทรัพย์ 6/3 คุ้มครองเงินต้น (MAX SP6/3), กองทุนเปิดแมกซ์สะสมทรัพย์ 9/1 คุ้มครองเงินต้น (MAX SP9/1), และกองทุนเปิดแมกซ์ตราสารหนี้3 (MAX FIX IN3)
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดโครงการจัดการกองทุนดังกล่าวในหัวข้อ (A) ข้อ 14. การเสนอขายภายหลังการเสนอขายครั้งแรก, (B) ข้อ 16. การรับซื้อคืนหน่วยลงทุน, (C) ข้อ 17.การสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน, (D) ข้อ 29. การเลิกโครงการจัดการกองทุนรวม, และ (E) ข้อ 30. การดำเนินการเมื่อเลิกโครงการ
สำหรับรายละเอียดดังกล่าวสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ 1.เดิม บริษัทฯ เปิดให้ผู้ลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนได้ตลอดระยะเวลา 5 หรือ 3 วันทำการแรกของเดือนหลังจากวันทำรายการขายคืนหน่วยลงทุน ส่วนเงื่อนไขใหม่ ผู้ลงทุนจะต้องส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนในระยะเวลา 5 หรือ 3 วันทำการก่อนวันทำรายการซื้อ ขายคืน และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน
2.สำหรับกองทุน MAX SP1, MAX SP3 และกองทุนเปิด MAX FIX IN3 เดิม ผู้ลงทุนสามารถทำรายการซื้อหน่วยลงทุนได้ตลอดทุกวันระหว่างระยะเวลาที่บริษัทเปิดเสนอขายหน่วยลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนจะได้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ในวันทำการซื้อหน่วยลงทุนนั้นๆ ส่วนเงื่อนไขใหม่ ผู้ลงทุนที่ประสงค์จะซื้อหน่วยลงทุนจะต้องส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนล่วงหน้าก่อนวันทำการซื้อหน่วยลงทุน ระหว่างเวลา 8.30 น. – 13.00 น. และบริษัทฯ จะทำการซื้อขายหน่วยลงทุนในวันทำการถัดจากวันทำการสุดท้ายของระยะเวลาการเปิดรับคำสั่งซื้อหน่วยลงทุน
3.ยกเลิกการกำหนดขนาดของกองทุนขั้นต่ำ 50 ล้านบาท ทั้งนี้ การแก้ไขดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ สข/น. 32/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจัดการกองทุน ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ทั้งนี้ หากท่านผู้ถือหน่วยลงทุนมีข้อสงสัยประการใด กรุณาติดต่อ บลจ.นครหลวงไทย ฝ่ายบริการลูกค้า Call Center โทร. 0-2624-8555 หรือสามารถดูรายละเอียดการแก้ไขโครงการได้ที่ www.sci-asset.com
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังอยู่ในระหว่างการเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ใหม่ 2 กองทุน ได้แก่ 1. กองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม เอเอฟ 3M2/09 (SCI FTAF3M2/09) 2. กองทุนเปิดเอสซีไอ ตราสารหนี้ต่างประเทศ จีไอ 12M3/09 (SCI INGI12M3/09) โดยได้เปิดขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวในระหว่างวันที่ 11-17 มีนาคม 2552 และมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท
สำหรับ กองทุนFTAF3M2/09 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 3 เดือน โดยจะเน้นลงทุน ใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) ประมาณ 75% ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยประมาณการผลตอบแทน 2.75% ต่อปี ส่วนกองทุนINGI12M3/09 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 12 เดือน ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ FIFลงทุน ใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) เกือบทั้งหมด ประมาณการผลตอบแทน 4.40% ต่อปี ทั้ง 2 กองทุน ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน