บลจ.นครหลวงไทยแย้มเตรียมออกกองกองทุนคอมมอดิตี้ 8 ตลาด มั่นใจกองทุนมีวิธีการลงทุนที่ดี คาดว่าสามารถเปิดขายได้เดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ แย้มสนใจออกองทุนทองคำเช่นกัน แต่จะเน้นขายแก่นักลงทุนส่วนบุคคลเท่านั้น ส่วนแผนยูนิตลิงก์ อยู่ระหว่างหารือบริษัทประกันในเครือ ชูการลงทุนต่างประเทศเป็นทางเลือก เหตุสินทรัพย์อื่นนักลงทุนลงทุนได้โดยตรงอยู่แล้ว
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการออกกองทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ 8 ตลาด โดยจะมีสินค้าอย่างน้ำมัน ข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำมัน โดยกองทุนนี้มีวิธีการเลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดี โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนได้ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2552
ขณะเดียวกัน บริษัทมีความสนใจที่จะออกกองทุนที่เน้นลงทุนในทองคำเช่นกัน แต่จะจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเสนอขายให้แก่นักลงทุนกลุ่มกองทุนส่วนบุคคล (PRIVATE FUND) เท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ออกกองทุนดังกล่าวมาขายแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และไม่ออกมาขายแก่นักลงทุนทั่วไป เนื่องจากต้องการโฟกัสไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำเป็นอย่างดี ไท่ส่าจะเป็นผลตอบแทนที่จะได้รับ และความเสี่ยงของสินทรัพย์ดังกล่าว เบื้องต้นจะร่วมมือกับธนาคารนครหลวงไทยเข้าไปให้ความรู้แก่นักลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับกองทุนที่เน้นลงทุนในทองคำจะเป็นการเข้าไปลงทุนในตราสารฟอร์เวิร์ด ที่มีการใช้ออปชั่นมาช่วย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่หากราคาทองคำในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากปรับขึ้นไป 15% ก็จะได้รับผลตอบแทนในระดับราคาที่ปรับขึ้นไป และหากราคาปรับลดลงไป 20% ก็ยังสามารถได้รับผลตอบแทนเช่นกัน แต่จะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3 – 4% เท่านั้น
ส่วนการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) บริษัทมีความสนใจที่จะเข้าไปร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิตในเครือเช่นกัน โดยยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินงานของบริษัทประกันชีวิตในเครือ ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจที่จะนำยูนิตลิงก์ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่น่าสนใจในต่างประเทศ อาทิ หุ้น เนื่องจากสินทรัพย์อื่นนั้นนักลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้โดยตรงอยู่แล้ว และต้องการสร้างความแตกต่างนั่นเอง
กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ในระหว่างเปิดขายกองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม เอเอฟ 3M1/09 (SCI FTAF3M1/09) อายุโครงการประมาณ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ในประเทศ แต่เปิดโอกาสให้สามารถเข้าไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 75% โดยเบื้องต้นจะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี และเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันนี้ – 10 มีนาคม 2552 และมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท
สำหรับกองทุน SCI FTAF3M1/09 จะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งในและหรือต่างประเทศ และหรือมีไว้ซึ่งเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ หรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
กองทุนอาจลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) นอกจากนี้ กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)ซึ่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยการเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างประเทศนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ทราบ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือ ธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้
นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการออกกองทุนที่เน้นลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ที่เน้นลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ของตลาดหลักทรัพย์ฯ 8 ตลาด โดยจะมีสินค้าอย่างน้ำมัน ข้าวสาลี ข้าวโพด น้ำมัน โดยกองทุนนี้มีวิธีการเลือกลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดี โดยคาดว่าจะสามารถเปิดขายหน่วยลงทุนได้ประมาณเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2552
ขณะเดียวกัน บริษัทมีความสนใจที่จะออกกองทุนที่เน้นลงทุนในทองคำเช่นกัน แต่จะจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเสนอขายให้แก่นักลงทุนกลุ่มกองทุนส่วนบุคคล (PRIVATE FUND) เท่านั้น ส่วนสาเหตุที่ออกกองทุนดังกล่าวมาขายแก่ลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และไม่ออกมาขายแก่นักลงทุนทั่วไป เนื่องจากต้องการโฟกัสไปยังกลุ่มลูกค้าที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำเป็นอย่างดี ไท่ส่าจะเป็นผลตอบแทนที่จะได้รับ และความเสี่ยงของสินทรัพย์ดังกล่าว เบื้องต้นจะร่วมมือกับธนาคารนครหลวงไทยเข้าไปให้ความรู้แก่นักลงทุนเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับกองทุนที่เน้นลงทุนในทองคำจะเป็นการเข้าไปลงทุนในตราสารฟอร์เวิร์ด ที่มีการใช้ออปชั่นมาช่วย โดยมีจุดเด่นอยู่ที่หากราคาทองคำในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 960 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากปรับขึ้นไป 15% ก็จะได้รับผลตอบแทนในระดับราคาที่ปรับขึ้นไป และหากราคาปรับลดลงไป 20% ก็ยังสามารถได้รับผลตอบแทนเช่นกัน แต่จะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3 – 4% เท่านั้น
ส่วนการขายกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิตลิงก์) บริษัทมีความสนใจที่จะเข้าไปร่วมมือกับบริษัทประกันชีวิตในเครือเช่นกัน โดยยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินงานของบริษัทประกันชีวิตในเครือ ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจที่จะนำยูนิตลิงก์ไปลงทุนในสินทรัพย์ที่น่าสนใจในต่างประเทศ อาทิ หุ้น เนื่องจากสินทรัพย์อื่นนั้นนักลงทุนสามารถเข้าลงทุนได้โดยตรงอยู่แล้ว และต้องการสร้างความแตกต่างนั่นเอง
กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ในระหว่างเปิดขายกองทุนเปิดเอสซีไอ ฟิกซ์เทอม เอเอฟ 3M1/09 (SCI FTAF3M1/09) อายุโครงการประมาณ 3 เดือน มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นกองทุนรวมตราสารแห่งหนี้ในประเทศ แต่เปิดโอกาสให้สามารถเข้าไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 75% โดยเบื้องต้นจะนำเงินส่วนใหญ่ไปลงทุนใน Euro Commercial Paper (ECP) ของ The Export-Import Bank of Korea (KEXIM) ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารอยู่ใน 2 อันดับแรก และส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วแลกเงินที่ออกโดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน คาดว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 2.75% ต่อปี และเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันนี้ – 10 มีนาคม 2552 และมีมูลค่าเม็ดเงินลงทุนขั้นต่ำ 2,000 บาท
สำหรับกองทุน SCI FTAF3M1/09 จะนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งในและหรือต่างประเทศ และหรือมีไว้ซึ่งเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ หรือหลักทรัพย์ หรือทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด
กองทุนอาจลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) นอกจากนี้ กองทุนอาจจะลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management)ซึ่งรวมถึงการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีตัวแปรเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเงินเพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนโดยการเข้าทำธุรกรรมกับคู่สัญญาต่างประเทศนั้นจะดำเนินการได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทยและแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.ทราบ รวมทั้งอาจทำธุรกรรมการซื้อโดยมีสัญญาขายคืน (Reverse Repo) หรือ ธุรกรรมการให้ยืมหลักทรัพย์ โดยเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด หรือเห็นชอบให้กองทุนลงทุนได้