xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.มองเศรษฐกิจยุโรปฟื้นตัวช้า ห่วงแผนปั้มเงินเข้าระบบดันเงินเฟ้อพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ไทยพาณิชย์ มองเศรษฐกิจยุโรป ฟื้นตัวช้ากว่าสหรัฐฯ เผย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรป ด้วยการเข้าซื้อตราสารของภาคเอกชนจากรัฐ เป็นการดำเนินการที่ดี หลังดอกเบี้ยลดลงตํ่ามากแล้ว ขณะเดียวกันเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่บริษัทเอกชน แต่น่าห่วง อาจเกิดปัญหาเงินเฟ้อระยะยาวได้

นายวิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุน ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของภูมิภาคยุโรปว่า จากการที่ธนาคารกลางของประเทศอังกฤษและยุโรปได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงไป เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมาและธนาคารกลางอังกฤษจะมีการดำเนินการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ในการดำเนินนโยบายทางการเงินในช่วงต่อไปนั้น ถือเป็นการดำเนินการที่ดีกว่าการลดอัตราดอกเบี้ยเพราะอัตราดอกเบี้ยนั้นอยู่ในระดับที่ตํ่ามากแล้ว และแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับตํ่าก็ตามแต่การปล่อยสินเชื่อนั้นในขณะนี้ไม่มีสถาบันการเงินใดกล้าที่จะปล่อยนักเพราะยังไม่เกิดความเชื่อมั่น

ทั้งนี้ การที่ธนาคารกลางของอังกฤษจะเข้าซื้อตราสารทางการเงินของภาคเอกชนนั้น ถือเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ระบบได้ และยังเป็นการทำให้บริษัทเอกชนสามารถขายสินทรัพย์ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้รัฐบาลของแต่ละประเทศสามารถดำเนินการได้เพราะรัฐบาลไม่มีปัญหาในเรื่องของสินเชื่อแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวนี้ จะมีผลที่ตามมาเนื่องจากรัฐจะดำเนินการโดยการพิมพ์ธนบัตรออกมาเพื่อเข้าซื้อสินทรัพย์ของภาคเอกชนเหล่านั้น ทำให้เงินที่จะไหลเข้าสู่ระบบนั้นมีจำนวนมากและในระยะยาวแล้วจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นได้

นายวิชชุ กล่าวต่อว่า ขณะนี้การดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจของแต่ละประเทศทั่วโลกนั้น ในขณะนี้ต้องดำเนินการด้วยหลายวิธี ที่สำคัญนั้นจะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉัดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อเพิ่มสภาพคล่องเพื่อไม่ให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับความเสียหาย

"ปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้รัฐต้องใช้ยาในหลายๆทาง ทั้งการลดอัตราดอกเบี้ย รวมไปถึงอีกหลายวิธี ไม่ว่าจะผ่านมาตรการทางการคลัง หรือผ่านทางแบงก์ชาติก็ตาม" นายวิชชุ กล่าว

นอกจากนี้ในด้านของตลาดหุ้นของยุโรปนั้น ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนตราสารทุน กล่าวว่า ตลาดหุ้นของยุโรปจะยังคงปรับตัวลดลงอีก เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกประการใดที่จะมาทำให้ตลาดปรับตัวขึ้นมาได้ โดยมาตรการที่ออกมานั้นยังเป็นเพียงการประกาศออกมาเท่านั้น

ขณะเดียวกันเมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ถือว่าเศรษฐกิจของยุโรปได้รับผลกระทบที่มากกว่า เนื่องจากความแตกต่างทางเศรษฐกิจและปัญหาของแต่ละประเทศ ซึ่งทำให้การดำเนินการในการแก้ไขปัญหานั้นล่าช้ากว่า ส่วนสหรัฐนั้นค่อนข้างที่จะรวดเร็วกว่าในเรื่องของการดำเนินการดังนั้น ยุโรปจะใช้เวลานานกว่าสหรัฐฯ ในการฟื้นตัวกลับมา

สำหรับกองทุน กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ แพลทตินัม โกลบอล ฟันด์ SCB PLATINUM GLOBAL OPEN END FUND (SCBPGF) ซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นของยุโรปด้วยนั้น ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ของตลาดหุ้นที่ตกลงเช่นเดียวกัน ซึ่งผลการดำเนินงานของกองทุนนั้นขณะนี้คงต้องรอให้ตลาดหุ้นของยุโรปกลับมาฟื้นตัวขึ้นมา
กำลังโหลดความคิดเห็น