บลจ.ไอเอ็นจี เชื่อกอง โกลบอล วอเตอร์ ผลตอบแทนจะไหลขึ้น เหตุน้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่คนต้องบริโภคตลอดเวลา พร้อมแจงเอ็นเอวีร่วงจากภาวะตลาดโดยรวม แต่มั่นใจได้รับผลกระทบน้อยกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น "จุมพล"แนะนักลงทุนทยอยซื้อเก็บ หวั่นทุ่มสุดตัวเสี่ยงรับผลกระทบจากตลาดผันผวนจากความไม่แน่นอนในปัจจุบัน
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินงานของกองทุน เปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล วอเตอร์ ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ และวิกฤตการเงินโลกทำให้ราคาหุ้นของบริษัทที่ลงทุนมีการปรับตัวลดลงพอสมควร แต่หากเปรียบเทียบกับหุ้นประเภทอื่นจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า เนื่องจากเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค ซึ่งมีความจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน ทำให้เมื่อสภาวะตลาดมีการปรับตัวลดลงหุ้นประเภทนี้จะปรับตัวลดลงน้อยกว่าหุ้นประเภทอื่น
"กองนี้เป็นกองโกลบอลที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำเกินครึ่ง ทั้งการขุดเจาะน้ำ การบำบัดน้ำ ซึ่งการที่ประชากรโลกมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น และปัจจุบันมีอยู่ถึงกว่า 6 พันล้านคนแล้วนั้น เชื่อว่าความต้องการใช้น้ำจะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น ทำให้เมื่อตลาดมีการปรับตัวดีขึ้นหุ้นประเภทนี้จะปรับตัวได้รวดเร็วกว่า นอกจากนี้การทำธุรกิจและการบริโภคน้ำจะมีการจ่ายเป็นเงินสดทำให้ธุรกิจประเภทนี้มีสภาพคล่องที่ดีกว่าประเภทอื่น"นายจุมพลกล่าว
สำหรับการลงทุนในหุ้นช่วงนี้ถือว่าค่อนข้างเสี่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยหากนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นก็ควรที่จะทยอยลงทุนในรูปแบบ ดอลลาร์คอสเอฟเวอร์เรต ซึ่งอาจเป็นการลงทุนไตรมาสละครั้ง หรือเดือนละครั้งก็ได้ แต่ไม่ควรที่จะลงทุนในครั้งเดียวเป็นจำนวนมากเพราะจะเป็นการเสี่ยงเกินไป เนื่องจากนักลงทุนจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าช่วงใดเป็นช่วงที่ต่ำสุดหรือสูงสุด แต่ทราบเพียงแนวโน้มของมันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้ถือว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า การลงทุนในเซคเตอร์ฟันด์ อย่างกองอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำทั่วโลก ซึ่งหากเป็นการบำบัดน้ำด้วยเคมีจะเป็นกลุ่มเคมีภัณฑ์ แต่หากเป็นการผลิตและจำหน่ายจะเป็นอีกประเภทหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในบริษัทที่ทำการผลิตหัวจ่ายน้ำ ซึ่งนับเป็นอีกกลุ่มธุรกิจทำให้กองทุนนี้มีการกระจายการลงทุนมากกว่าเซคเตอร์ฟันด์แน่นอน
สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล วอเตอร์ เป็นกองทุนต่างประเทศ ที่มีนโยบายลงทุนในดัชนี S&P Global Water Index ผ่านกองทุน Claymore S&P Global Water Index ETF ที่ครอบคลุมหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ “น้ำ” ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก รวมทั้งหมด 50 บริษัท โดยกองทุน ING GW ถือเป็นการลงทุนในกองทุน ETF กองแรกของ บลจ.ไอเอ็นจี
โดยบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องและมีรายได้จากน้ำที่อยู่ใน ดัชนี S&P Global Water Index นั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทอย่างชัดเจน ได้แก่ ธุรกิจสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จำนวน 25 บริษัท ประกอบด้วย ธุรกิจการจัดหาน้ำ การทำน้ำประปา การบำบัดน้ำเสีย การผลิตน้ำ และระบบลำเลียงน้ำ และ ธุรกิจวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จำนวน 25 บริษัท เช่น ธุรกิจผลิตสารเคมีบำบัดน้ำเสีย อุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย เครื่องสูบน้ำ ท่อลำเลียงน้ำ ตลอดจนมาตรวัดน้ำ
ทั้งนี้ มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนนี้ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 อยู่ที่ 5.7050 บาทต่อหน่วย โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -11.15% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -35.17% ย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ -36.53% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -37.90%
นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไอเอ็นจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การดำเนินงานของกองทุน เปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล วอเตอร์ ในช่วงที่ผ่านมาถือว่าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ และวิกฤตการเงินโลกทำให้ราคาหุ้นของบริษัทที่ลงทุนมีการปรับตัวลดลงพอสมควร แต่หากเปรียบเทียบกับหุ้นประเภทอื่นจะมีความเสี่ยงน้อยกว่า เนื่องจากเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค ซึ่งมีความจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน ทำให้เมื่อสภาวะตลาดมีการปรับตัวลดลงหุ้นประเภทนี้จะปรับตัวลดลงน้อยกว่าหุ้นประเภทอื่น
"กองนี้เป็นกองโกลบอลที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำเกินครึ่ง ทั้งการขุดเจาะน้ำ การบำบัดน้ำ ซึ่งการที่ประชากรโลกมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น และปัจจุบันมีอยู่ถึงกว่า 6 พันล้านคนแล้วนั้น เชื่อว่าความต้องการใช้น้ำจะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น ทำให้เมื่อตลาดมีการปรับตัวดีขึ้นหุ้นประเภทนี้จะปรับตัวได้รวดเร็วกว่า นอกจากนี้การทำธุรกิจและการบริโภคน้ำจะมีการจ่ายเป็นเงินสดทำให้ธุรกิจประเภทนี้มีสภาพคล่องที่ดีกว่าประเภทอื่น"นายจุมพลกล่าว
สำหรับการลงทุนในหุ้นช่วงนี้ถือว่าค่อนข้างเสี่ยง เนื่องจากเป็นช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยหากนักลงทุนต้องการลงทุนในหุ้นก็ควรที่จะทยอยลงทุนในรูปแบบ ดอลลาร์คอสเอฟเวอร์เรต ซึ่งอาจเป็นการลงทุนไตรมาสละครั้ง หรือเดือนละครั้งก็ได้ แต่ไม่ควรที่จะลงทุนในครั้งเดียวเป็นจำนวนมากเพราะจะเป็นการเสี่ยงเกินไป เนื่องจากนักลงทุนจะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าช่วงใดเป็นช่วงที่ต่ำสุดหรือสูงสุด แต่ทราบเพียงแนวโน้มของมันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กองทุนนี้ถือว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า การลงทุนในเซคเตอร์ฟันด์ อย่างกองอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำทั่วโลก ซึ่งหากเป็นการบำบัดน้ำด้วยเคมีจะเป็นกลุ่มเคมีภัณฑ์ แต่หากเป็นการผลิตและจำหน่ายจะเป็นอีกประเภทหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในบริษัทที่ทำการผลิตหัวจ่ายน้ำ ซึ่งนับเป็นอีกกลุ่มธุรกิจทำให้กองทุนนี้มีการกระจายการลงทุนมากกว่าเซคเตอร์ฟันด์แน่นอน
สำหรับกองทุนเปิด ไอเอ็นจี ไทย โกลบอล วอเตอร์ เป็นกองทุนต่างประเทศ ที่มีนโยบายลงทุนในดัชนี S&P Global Water Index ผ่านกองทุน Claymore S&P Global Water Index ETF ที่ครอบคลุมหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ “น้ำ” ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก รวมทั้งหมด 50 บริษัท โดยกองทุน ING GW ถือเป็นการลงทุนในกองทุน ETF กองแรกของ บลจ.ไอเอ็นจี
โดยบริษัทจดทะเบียนที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องและมีรายได้จากน้ำที่อยู่ใน ดัชนี S&P Global Water Index นั้น สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทอย่างชัดเจน ได้แก่ ธุรกิจสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จำนวน 25 บริษัท ประกอบด้วย ธุรกิจการจัดหาน้ำ การทำน้ำประปา การบำบัดน้ำเสีย การผลิตน้ำ และระบบลำเลียงน้ำ และ ธุรกิจวัสดุและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จำนวน 25 บริษัท เช่น ธุรกิจผลิตสารเคมีบำบัดน้ำเสีย อุปกรณ์บำบัดน้ำเสีย เครื่องสูบน้ำ ท่อลำเลียงน้ำ ตลอดจนมาตรวัดน้ำ
ทั้งนี้ มูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนนี้ ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552 อยู่ที่ 5.7050 บาทต่อหน่วย โดยมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ -11.15% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ -35.17% ย้อนหลัง 9 เดือนอยู่ที่ -36.53% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ -37.90%