ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา จะประสบกับวิกฤตการณ์ต่างๆ จนส่งผลนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ หันมาถือครองเงินสดแทนการลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อรอดูจังหวะที่เหมาะหรือกำลังเล็งหาช่องทางใหม่ ๆ ที่สามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแล้วนั้น แต่หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ต่าง ๆ จยเลยเข้ามาสู่ปี 2552 ก็ได้มีการลงทุนใหม่เกิดขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุน นั่นคือ “โกลด์ฟิวเจอร์” เอาใจนักลงทุนที่ชอบลงทุนในทองคำ แต่อาจจะไม่มีเวลาในการติดตามราคาทองมากนัก
เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.ดร.เอกชัย นิตยาเกษตรวัฒน์ คณบดี คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA Business School) ให้ความเห็นว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกขณะนี้ คาดว่าจะยังมีแนวโน้มชะลอตัวและคงจะถึงจุดต่ำสุดภายในช่วงครึ่งปีแรกนี้ ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาหลาย ๆ ประเทศจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในอย่างต่อเนื่อง แต่ผลของมาตรการดังกล่าวคงจะเริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไป
เ ช่นเดียวกับภาพรวมเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นผลมาจากมาตรการภาครัฐ และการลดดอกเบี้ย รวมถึงการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่น่าจะเริ่มกลับมาในในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำจะช่วยเสริมอำนาจการซื้อของภาคเอกชน โดยคาดว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ในระดับ 1-3%
“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯคาดว่าจะเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังเป็นผลจากนโยบายการเงิน รวมถึงการอุดหนุนภาคการเงิน และนโยบายการคลัง ขณะที่ประเทศไทยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐจะเริ่มส่งผลในไตรมาส 2-3 การลดอัตราดอกเบี้ย และการลดลงของราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ในตลาดโลก"
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในปีนี้จะชะลอตัวลง แต่ราคาโลหะมีค่าอย่างทองคำยังถูกคาดหมายว่าจะยืนได้อย่างแข็งแกร่งในปีนี้ เพราะนักลงทุนยังคงมองหาแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยจากความผันผวนในตลาดการเงินและตลาดทุน
ขณะที่การเก็งกำไรในทองคำปีนี้คาดว่าจะไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย รวมถึงบรรดากองทุนเฮดฟันด์ที่ประสบกับภาวะขาดทุนจากการลงทุนทั่วโลก ดังนั้นการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้จะค่อนข้างสะท้อนราคาปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง
“จากข้อมูลรอยเตอร์และบลูมเบิกร์กชี้ให้เห็นว่านักวิเคราะห์ประเมินความเคลื่อนไหวของตลาดทองคำในปี 2552 จะค่อยๆ ขยับตัวลดลงมากกว่าเพิ่มขึ้น ส่วนค่าเฉลี่ยของราคาทองคำจะอยู่ที่ 862.50 ดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในปีที่แล้วประมาณ 10 ดอลลาร์สหรัฐ โดยปีที่แล้วอยู่ที่ 871.21 ดอลลาร์สหรัฐ และต่ำกว่าราคาปัจจุบันประมาณ 5% ซึ่งราคา ณ วันที่ 2 ก.พ. 2552 อยู่ที่ 914.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 14.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์”
นอกจากนี้ ยังมีความต้องการทองคำอย่างมหาศาลในประเทศอินเดีย และจีน ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก แต่ทั้งสองประเทศก็ยังมีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับสูงประมาณ 5-7% ซึ่งอินเดียถือเป็นประเทศที่มีความต้องการบริโภคทองคำสูงสุดของโลก ดังนั้นในระยะยาวแนวโน้มราคาทองคำในตลาดโลกยังคงแข็งแกร่ง
คณบดีคณะบริหารธุรกิจ นิด้า ได้ประเมินต่อว่า แนวโน้มราคาทองในตลาดโลกในอีก 5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะสามารถยืนอยู่ที่ระดับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทยคาดว่าจะสามารถยืนเหนือกว่าบาทละ 15,000 บาท
ดังนั้น การลงทุนในทองคำยังถือเป็นการลงทุนที่ได้รับนิยมเพราะถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ป้องกันความเสี่ยงจากการลดลงของเงินดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นแหล่งเงินทุนที่ปลอดภัยในช่วงที่ภาวะตลาดทุนและตลาดเงินผันผวน
ส่วนการซื้อขาย โกลด์ฟิวเจอร์ ที่เพิ่งเปิดการซื้อเป็นครั้งแรกนั้น คาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากคนไทย และนักลงทุนมีความคุ้นเคยและนิยมซื้อทองอยู่แล้ว จึงคาดว่าการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ในอนาคตจะมีมูลค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับสินค้าในตลาดล่วงหน้าอื่นๆ
ด้าน เกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ TFEX บอกว่า ในช่วงเดือนมีนาคม คาดว่าจะมีโบรกเกอร์อนุพันธ์เข้ามาให้บริการแก่นักลงทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ 4- 5 ราย ซึ่งจะมาจากผู้ประกอบการร้านทองที่มีความสนใจ และได้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นแล้ว เหลือเพียงได้รับใบอนุญาต (ไลเซนส์) จากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เท่านั้น
ส่วนความคืบหน้าในเรื่องผู้ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker)นั้น ปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ เป็นผู้ที่ทำหน้าที่อยู่ และทาง TFEX กำลังเจรจากับบรรดาโบรกอนุพันธ์เข้าช่วยดำเนินการเรื่องนี้เพิ่มเติมอีก 2 บริษัท
...สุดท้าย "เกศรา" บอกว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำในตลาดโลกมีความผันผวนสูง การเปิดซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สในวันนี้จึงเป็นจังหวะที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นการใช้บริหารความเสี่ยงหรือทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำโดยการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนมากพอสมควร ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีและสะท้อนให้เห็นว่าโกลด์ฟิวเจอร์สมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคต