xs
xsm
sm
md
lg

หนิง- ศรัยฉัตร จีระแพทย์ จัดเงินทองเป็นสัดส่วนเพื่อตัวเล็ก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ชอบนำเงินไปฝากธนาคารมาก โดยจะมีด้วยกันถึง 10 บัญชี ซึ่งแต่ละบัญชีจะแยกออกเป็นงานโชว์ตัวบ้าง ถ่ายละครบ้าง หรืองานพิธีกรบ้าง เป็นต้น สาเหตุที่ต้องแยกออกอย่างนี้ เพื่อให้เป็นสัดส่วนสำหรับการเก็บและถอนออกมาใช้จ่ายนั่นเอง เพื่อให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น และสะดวกเวลานำออกมาใช้”

คอลัมน์ "เจาะพอร์ตคนดัง" ฉบับนี้ ขอพามาดูการบริหารพอร์ตของพิธีกรงานอีเวนต์ที่ฮอตที่สุดของเมืองไทยในขณะนี้ อย่าง หนิง - ศรัยฉัตร (กุญชรฯ) จิระแพทย์ ซึ่งเธอจะมาร่วมเผยเคล็ดลับการออมเงินในแบบฉบับของเธอเองว่าเธอมีวิธีอย่างไรบ้าง รวมถึงหลักและแนวคิดในการทำงานอย่างไร ที่สามารถทำงานให้ประสบความเสร็จมาได้จนถึงทุกวันนี้

คุณแม่ลูกหนึ่ง บอกว่า ในเรื่องของการออมเงินนั้น ช่วงตอนเด็กคงเหมือนเด็ก ๆ ทั่วไป ที่คุณแม่จะซื้อกระปุกออมสินให้เพื่อที่จะเอาสตางค์ที่เหลือจากค่าขนมมาหยอดกระปุก แต่พอเริ่มโตขึ้นมาหน่อยคุณแม่จะให้สตางค์เป็นรายสัปดาห์ทำให้เราต้องรู้จักการบริหารเงินเอง ต้องจัดสรรเงินในแต่ละสัปดาห์เพื่อให้มีเงินพอใช้ให้ได้ จนกระทั่งเรียนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คุณแม่ยังให้เงินไปเรียนเป็นสัปดาห์อยู่ แต่พอเริ่มไปเรียนต่อต่างประเทศ คุณแม่จะให้เงินมาก้อนหนึ่งใส่ไว้ในบัญชีให้กับเรา ซึ่งเราต้องมีวิธีการบริหารจัดสรรเงินเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าอพาร์เม้นต์ หรือค่าเล่าเรียน เป็นต้น

ในส่วนของรายได้ก้อนแรกนั้น คงเป็นช่วงตอนเรียนอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นงานถ่ายโฆษณา ซึ่งรายได้ในตรงนี้ได้ให้คุณแม่หมดทุกบาททุกสตางค์ เพราะตามความเชื่อของคนไทยว่าถ้าเป็นรายได้แรกที่เราสามารถหาได้ด้วยตัวเอง แล้วนำมาให้กับคุณแม่จะทำให้เราได้รับสิ่งที่ดี ๆ ย้อนกลับมายังตัวเราเอง เพราะหลังจากที่ให้คุณแม่ไปแล้ว ท่านก็นำไปฝากธนาคารไว้ให้เราไว้เป็นทุนการศึกษาในวันข้างหน้าต่อไป
ส่วนการออมเงินในปัจจุบันนั้น หนิง บอกว่า “เป็นคนชอบนำเงินไปฝากธนาคารมาก โดยจะมีด้วยกันถึง 10 บัญชี ซึ่งแต่ละบัญชีจะแยกออกเป็นงานโชว์ตัวบ้าง ถ่ายละครบ้าง หรืองานพิธีกรบ้าง เป็นต้น สาเหตุที่ต้องแยกออกอย่างนี้ เพื่อให้เป็นสัดส่วนสำหรับการเก็บและถอนออกมาใช้จ่ายนั่นเอง เพื่อให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้น และสะดวกเวลานำออกมาใช้หรือเก็บไว้ใช้ในอนาคต”

นอกจากนี้แล้วหนิงยังแบ่งเงินบางส่วนออกมาซื้อกองทุนรวมด้วย เพราะเชื่อว่าการลงทุนในส่วนนี้สามารถนำมาหักลดหย่อนทางภาษีได้ รวมถึงการทำประกันชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุด เพราะขณะนี้ตนเองมีลูกแล้วยิ่งต้องให้ความสำคัญในส่วนนี้มากเป็นพิเศษ เพราะการเจ็บไข้ได้ป่วยจะเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับคนทุกคน และไม่สามารถคาดเดาได้

ปัจจุบันนอกจากจะเป็นพิธีกรตามงานอีเวนต์ต่าง ๆ แล้ว หนิงยังประกอบธุรกิจส่วนด้วยด้วยการเปิดโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษ และร้านสปาเพื่อสุขภาพด้วย สาเหตุที่ต้องมีธุรกิจเสริมนอกจากงานในวงการบันเทิงนั้น เนื่องจากว่างานในวงการบันเทิงนั้นทุกคนรู้ดีว่าเป็นอาชีพที่ไม่แน่นอน ดังนั้นควรหาอะไรทำเพื่อเป็นอาชีพเสริมในอีกทางหนึ่ง

หนิงบอกว่า จากการทำงานนั้นไม่ว่าจะเป็นงานละคร พิธีกรงานอีเวนต์ ล้วนแล้วแต่ให้ประสบการณ์ที่ดี ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรที่หลากหลาย ทำให้เรารู้ว่างานสิ่งไหนเหมาะสมกับเรา สิ่งไหนที่เราถนัดไม่ถนัด ได้รู้จักคนมากมาย แต่มันไม่มีความมั่นคง ไม่เหมือนการทำงานประจำที่มีอะไรมั่นคงมากกว่า แต่งานในวงการบันเทิงเป็นงานพิเศษที่หลายคนอยากเข้าทำ เพราะทำให้เราเป็นที่รู้จักของคนหมู่มาก สังคมของเราก็กว้างขึ้นและได้รับโอกาสมากกว่าคนอื่นๆ

จากการทำงานให้ประสบความสำเร็จและอยู่ในวงการบันเทิงให้ได้ยาวนานนั้น หนิงบอกว่า “ต้องเป็นคนมีสัมมาคาราวะ ตรงต่อเวลา ให้เกียรติผู้อื่น ซื่อสัตย์ต่องานที่ทำ และมีการพัฒนางานให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่าง นั่นคือต้องทำงานด้วยใจที่รัก นี่คือเคล็ดที่ทำให้หนิงอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้”

ส่วนในเรื่องของการเลี้ยงลูกนั้น หนิง บอกว่า คงไม่ได้วางแผนอะไรเป็นพิเศษ ถ้าเขาชอบอะไร อยากเป็นอะไรก็คงสนับสนุนเขา ส่วนโครงการมีลูกคนต่อไปขอพักไว้ให้น้องเบลล่าอายุสัก 2 ขวบก่อน แต่ตอนนี้ก็ได้ให้ของขวัญชิ้นพิเศษแก่เขาเป็นการเก็บสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นการเก็บเซลล์ตอนแรกเกิดเอาไว้ เพราะสเต็มเซลล์นี้สามารถใช้ในการรักษาโรงมะเร็งและเบาหวานได้ วันหนึ่งในอนาคตถ้าเขาป่วยก็สามารถตรงนี้นำมารักษาตัวเองได้ อีกทั้งส่วนตัวตนอยากให้ลูกเข้าวงการบันเทิงเหมือนกัน เลือดเขาคงแรงและเขาคงซึมซับจากสิ่งที่หนิงเป็นเหมือนกัน แต่คงไม่บังคับเขา

นอกจากนี้ อนาคตอันใกล้ๆนี้หนิงอยากให้ลูกเรียนอนุบาลตอน 3 ขวบไปแล้วที่โรงเรียนใกล้บ้าน เพื่อเขาจะได้ไม่เหนื่อย และอีกอย่างเด็กจะมีการพัฒนาสมองฉลาดสุดก็ช่วง 3 ปีแรก ส่วนตัวแล้วอยากเป็นครูคนแรกของเขา จะสอนเขาเอง ทุกวันนี้ตื่นขึ้นมาหนิงก็จะไปที่ห้องนั่งเล่นของเขาก่อน อ่าน A B C ให้เขาฟัง พาไปเรียน Gymboree ฟังเพลงเต้นรำกัน ส่วนถ้าโตขึ้นแล้วเขาอยากเป็นอะไรก็ตามใจ แต่คิดว่าคงหนีไม่พ้นอาชีพใกล้เคียงเรา เพราะดูเขาค่อนข้างรักสวยรักงาม เวลาอุ้มเขาถ่ายรูปเดินแบบ เขาก็ดูสนุกสนานดี

สุดท้ายหนิงบอกว่า จากการทำงานนั้นทำให้ต้องหาเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองด้วย ดังนั้นเมื่อว่างจากการทำงานเมื่อไหร่จะหาเวลาไปออกกำลังกายกับสามีทันที ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกอล์ฟบ้างหรือไปนวดเท้าบ้าง เพราะจากงานทำส่วนใหญ่จะรับงานพิธีกรซึ่งบางทีจะรู้สึกเหนื่อยและล้า นอกจากนี้แล้วในหนึ่งปีตนเองและสามียังสัญญากันไว้ด้วยว่า ในปีหนึ่ง ๆ นั้นเราต้องมีการออกไปเที่ยวต่างประเทศบ้างหรือในต่างจังหวัดบ้างเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นด้วย และถือเป็นการผักผ่อนประจำของครอบครัว

ชื่อ – นามสกุล ศรัยฉัตร จีระแพทย์
วันเดือนปีเกิด 29 สิงหาคม –
จบการศึกษา ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปริญญาโท MINI MPA ERASMUS UNIVERSITY
ประเทศเนเธอร์แลนด์
งานปัจจุบัน พิธีกรงานอีเวนท์ต่าง ๆ

กำลังโหลดความคิดเห็น