xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้พุ่งเป้าลุย"เอเชีย-แปซิฟิก" สานต่อทาร์เกตฟันด์รับความเชื่อมั่นฟื้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ทิสโก้ โกยยอดขาย "ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% # 3 " กว่า 70 ล้านบาท ระบุแม้ระดมทุนได้น้อย แต่ก็ไม่ได้คาดหวังสูงอยู่แล้ว เหตุภาพรวมตลาดยังไม่เอื้อต่อการตัดสินใจของลูกค้า ชี้เสียดายโอกาสแทนคนพลาดการลงทุนในฐานที่ต่ำมาก เล็งส่งกองทุนที่ 4 รองรับอีกครั้ง หลังความมั่นใจเริ่มฟื้น ย้ำ "เอเชีย-แฟซิฟิก" น่าสน คาดการณ์เศรษฐกิจโต 5.3% โดยมีจีนและอินเดีย เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ

นางสาวธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาดธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากเปิดขายหน่วยลงทุนของกองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% # 3 ในระหว่างวันที่ 15-23 มกราคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอสมควร โดยหลังจากปิดขายไอพีโอแล้ว สามารถระดมทุนด้วยยอดจองซื้อประมาณ 71 ล้านบาท ซึ่งหลังจากจดทะเบียนกองทุนแล้ว คาดว่ากองทุนน่าจะเริ่มลงทุนได้ตามนโยบายในวันที่ 27 มกราคมนี้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การตอบรับจากไม่มากนัก แต่เราเองก็ไม่ได้คาดหวังอยู่แล้วว่าจะต้องระดมทุนให้กองทุนมีขนาดใหญ่ เนื่องจากบรรยากาศของตลาดโดยรวมแล้ว ยังไม่เอื้อต่อการตัดสินใจลงทุนมากนัก หรือบางส่วนก็อาจจะติดขัดในการโยกเงินจากกองทุนตราสารหนี้เข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับนักลงทุนที่ไม่เข้ารอบนี้ เนื่องจากปัจจุบัน ฐานของการลงทุนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งเรื่องนี้ เราเองเข้าใจว่าลูกค้ายังกลัวอยู่ หรืออาจจะขอรอดูสถานการณ์ให้ตลาดปรับขึ้นมาก่อน ถึงจะเข้าไป แต่ถึงเวลานั้นแล้ว ลูกค้าอาจจะมีโอกาสทำกำไรน้อยลง

"การลงทุนในช่วงนี้ ถือว่าอยู่ในฐานที่ต่ำมาก ดังนั้น โอกาสที่การลงทุนจะเป็นไปตามเป้าหมาย จึงมีโอกาสค่อนข้างสูง ซึ่งตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิกเองก็น่าสนใจ และเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะจีนกับอินเดีย โดยมีการคาดการณ์กันว่า ในปีนี้เศรษฐกิจเอเชียจะโตถึง 5.3% ในขณะที่สหรัฐจะติดลบ 2% ยุโรปติดลบ 1% และญี่ปุ่น ติดลบ 2%"นางสาวธีรินทร์กล่าว

นางสาวธีรินทร์กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่านักลงทุนจะไม่ตอบรับมากนักในช่วงนี้ แต่หลังจากนี้ บลจ.ทิสโก้ จะมีกองทุนออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงกองทุนรูปแบบเดียวกับกองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% ด้วย เพราะเรามองว่า นักลงทุนบางส่วนที่ยังไม่ตัดสินใจลงทุนในช่วงนี้ อาจจะยังรอจังหวะอยู่ ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการรองรับเงินลงทุนในตราสารหนี้ ที่อาจจะยังติดขัดไม่สามารถโยกเงินเข้ามาลงทุนได้ด้วย

ทั้งนี้ บลจ.ทิสโก้ สรุปภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นจีนและอินเดียว่า แม้ในช่วงปี 2551 ที่ผ่านมา จะเป็นปีที่ย่ำแย่ของตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นของประเทศจีนและอินเดีย แต่ในปี 2552 โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ทิสโก้คาดว่าตลาดหุ้นจะมีโอกาสฟื้นตัวได้ เนื่องจากการคาดหมายการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2553 ซึ่งทิสโก้คาดว่า ตลาดหุ้นเอเชียจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าและในอัตราที่สูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ โดยที่ตลาดหุ้นจีนและอินเดีย จะเป็นผู้นำในการฟื้นตัวในบรรดากลุ่มประเทศเอเชีย เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง รัฐบาลสามารถออกมาตรการต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการทางด้านภาษี การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ

ขณะที่ธนาคารกลางก็สามารถดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายได้อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับลดดอกเบี้ยและการปรับลดอัตราสำรองเงินสดของธนาคารพาณิชย์ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน ขณะที่เงินเฟ้อจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ที่เคยรุมเร้าประเทศจีนและอินเดียในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาก็ผ่อนคลายลงไปมาก ทำให้ทิสโก้เชื่อว่าประเทศจีนและอินเดีย จะสามารถกลับมาเติบโตได้ในอัตราเดิมที่ 7-10% และจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกที่แสวงหากำไร หันกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นจีนและอินเดียอีกครั้ง ดังนั้น จึงน่าจะเป็นแรงผลักดันให้ดัชนีทั้ง 2 ตลาดปรับตัวสูงขึ้นได้ในปี 2552

สำหรับกองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน ทริกเกอร์ 15% # 3" เป็นกองทุนรวมต่างประเทศ ประเภททาร์เกตฟันด์ ซีรีย์ที่ 3 มีอายุโครงการ 1 ปี โดยมีนโยบายลงทุนเหมือน 2 กองแรกในตระกูลเดียวกัน ซึ่งเปิดขายในปีที่ผ่านมา คือ เน้นลงทุนในหุ้นของกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น โดยมีกองทุนหลัก คือ "กองทุน Lyxor ETF MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan" ซึ่งเป็นกองอีทีเอฟที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นฮ่องกง

ทั้งนี้ กองทุนได้กำหนดเป้าหมายผลตอบแทน 15% ภายในระยะเวลา 1 ปี โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้นเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI AC Asia-Pacific Ex Japan ซึ่งกองทุนสามารถเลิกกองทุนโดยการขายทำกำไรอัตโนมัติได้ทันทีโดยไม่ต้องรอครบ 1 ปี หากกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย 15% ของมูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วย (10.00 บาท) เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น