การชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้การลงทุนมีความยากลำบาก โดยนักลงทุนมองว่าการใช้จ่ายในภาวะที่เศรษฐกิจยังอยู่ในช่วงวิกฤตเช่นนี้ นักลงทุนจะมีใช้จ่ายน้อยลง และเลือกที่จะถือเงินสดเพื่อความปลอดภัยของเงินที่มี
โดยเมื่อวันศุกร์(9มกราคม)ที่ผ่านมา คอลัมน์ASTVผู้จัดการกองทุนได้มีโอกาสได้ไปฟังสัมนาในหัว "หุ้น - ทองคำ - พันธบัตร ...จัดพอร์ตให้ฉลาดรับปีฉลู" ซึ่งได้มีบุคลากรในวงการมาร่วมแสดงความคึดเห็นมากมาย เริ่มต้นด้วย...
นางอาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์และวางแผน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) บอกว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะมีความแตกต่างจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อพ.ศ. 2540 โดยปัญหาเศรษฐกิจในครั้งนี้เกิดจากปัจจัยภายนอกหรือเศรษฐกิจโลกเข้ามาส่งผลกระทบไม่ได้เกิดจากภายในเหมือนครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐกิจไทยขณะนี้ถือว่ายังไม่ถึงจุดต่ำสุด คาดว่านักลงทุนคงจะได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ต่ำมากกว่านี้ ขณะเดียวกันนั้นนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยเกี่ยวกับตลาดหุ้นว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นยังไม่ได้อยู่จุดต่ำสุด
ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่จะประกาศออกมาของไตรมาส 4 ปี 2551 จะติดลบ โดยจากจุดนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการที่จะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งในไตรมาส 1 นี้ ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 2 ตัวเลขจะยังคงติดลบตามไตรมาสแรกของปีด้วย ขณะที่ไตรมาส 3 นักวิเคราะห์ต่างได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะติดลบเพียง 0.4 % เท่านั้น ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปี 52 นั้นตัวเลขเศรษฐกิจอาจจะปรับเป็นบวกเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของญี่ปุ่นและยุโรปได้มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศนี้จะติดลบทั้งปี
สำหรับสาเหตุที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาแรงจนปัจจุบันนี้อัตราดอกเบี้ยเกือบจะเหลือ 0% ทำให้ภาคธุรกิจ และภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มที่จะปรับตัวดีขึ้น ธนาคารกล้าที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น นักลงทุนกล้าที่จะกลับเข้าไปลงทุนมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังของนาย โอบามา จะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาไม่ให้ติดลบ โดยจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความหยืดหยุ่น ทั้งนี้ มาตรการที่นายโอบามานำมาใช้ จะเป็นนโยบายที่เลือกใช้นั้นเน้นการกระจายที่เร็วและแรง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ผลมากที่สุด
การที่เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้สินค้าในกลุ่มโภคภัณฑ์(คอมอดิตี) ปรับราคาลดลงจาก่อนหน้านี้ อีกทั้งทำให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ สำหรับการใช้มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยจะไม่ได้ผลหากว่าการเมืองภายในประเทศไม่นิ่ง โดยในไตรมาส 4/2551 นี้คาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะอยู่ที่ -2% ในไตรมาส 1เศรษฐกิจจะติดลบ 0.6% แต่หากโชคดีมาตรการต่างๆได้ผลเร็วจะทำให้ไตรมาส 2 ตัวเลขเศรษฐกิจจะไม่ติดลบ
"การลงทุนในปีฉลู จะต้องมีการกระจายการลงทุนไปยังทุกๆสินทรัพย์ แต่ทั้งนี้การกระจายนั้นจะต้องคำนวนสัดส่วนการลงทุนด้วยว่ามีแต่ละสินทรัพย์มีสัดส่วนเท่าไหร่ การถือครองจะเน้นการถือระยะสั้นหรือระยะยาว โดยมองเป้าหมายของการลงทุนว่าต้องการผลตอบแทนของการลงทุนว่าต้องการมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจึงเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนในการลงทุนได้"นางอาภรณ์กล่าว
นายวิศิษฏ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า สำหรับตลาดหุ้นนั้นจะเห็นตัวเลขต่ำสุดในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยราคาหุ้นตกลงต่ำสุดก่อนเศรษฐกิจ 3-6 เดือน ซึ่งการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจนั้นจะต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนคงได้รับข่าวดังกล่าวไปล่วงหน้าแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประสบกับปัญหาการล้มละลายของวาณิชธนกิจชั้นนำ อาทิ เลห์แมน บราเธอร์ส เราเชื่อว่าจะไม่มีสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกาประสบกับภาวะการล้มละลายอีก แต่ที่น่าสนใจและน่าจับตามองมากกว่าเศรษฐกิจสหรัฐก็คือเศรษฐกิจยุโรปที่ได้รับผลกระทบไม่แตกต่างไปจากสหรัฐฯ ซึ่งจะต้องจับตาดูประเทศยูเครน และอิตาลี เป็นพิเศษ ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสหรัฐได้ถือว่าผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาแล้ว โดยตัวเลขเศรษฐกิจของไตรมาส 4/2551 ที่ประกาศออกมาอยู่ที่ -4.7% แต่สำหรับยุโรปนั้นเศรษฐกิจจะปรับตัวลงไปจุดต่ำสุดหลังสหรัฐฯ 3-6 เดือน ทั้งนี้ หากยุโรปประสบกับปัญหาวิกฤตทางการเงินจะทำให้การลงทุนในยุโรปสำหรับปีนี้ไม่ค่อยจะหวือหวามากนัก
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ส่งผลต่อประเทศไทย โดยทำให้ช่วงที่ผ่านมามีเม็ดเงินไหลออกนอกประเทศกว่า 3.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product หรือ GDP) แต่ทั้งนี้ในไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้ กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีครบกำหนดอายุไหลกลับเข้ามาในประเทศกว่า 150,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมาได้มีนักลงทุนชาวต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นจนทำให้มีเม็ดเงินไหลออกกว่า 3.5% ส่งผลให้ค่าเงินมีการผันผวน รวมไปถึงราคาหุ้น ทองคำ และดัชนีบริโภค แต่เงินเฟ้อจะมีการผันผวนมากที่สุด
"คาดว่าปีนี้ ค่าเงินเฟ้อในช่วงต้นปีนี้จะปรับตัวลดลง จากนั้นในช่วงกลางปีค่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงจนถึงติดลบ แต่หากว่าในช่วงปลายปีราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50-60 เหรียญต่อบาร์เรล ดัชนี้บริโภคจะผันผวน นอกจากนี้เม็ดเงินที่นักลงทุนต่างประเทศได้เทขายหุ้นเพื่อนำกลับประเทศ ขณะนี้ได้ทยอยกลับเข้ามาลงทุนในประเทศบ้างแล้ว แต่นักลงทุนควรที่จะติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด"
นายวิศิษฏ์ ยังบอกอีกว่า สำหรับการทำกำไรสำหรับหุ้นนั้น หากหุ้นลงให้นักลงทุนซื้อ แต่หากหุ้นขึ้นให้นักลงทุนขาย แต่ทั้งนี้นักลงทุนเลือกหุ้นที่ไม่มีใครคาดคิด เช่นก่อนหน้านี้ ผมได้มีการแนะนำนักลงทุนเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น และได้เสนอรายชื่อหุ้นให้กับนักลงทุนแล้วสามารถที่จะสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้ โดยอาศัยหลักการที่กล่าวมานี้ อีกทั้ง การจัดการสินทรัพย์เหมาะสมกับอายุของการลงทุน พร้อมทั้งมีการจัดการบริหารความเสี่ยงที่ดีถือเป็นหัวใจที่สำคุญของการลงทุน
ขณะที่ นายอาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด ได้กล่าวถึงการลงทุนในตราสารหนี้ว่าสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้นั้น ในส่วนของอัตราผลตอบแทนได้ปรับตัวลดลงมาจากกลางปีที่ 2551 แล้ว โดยการลงทุนในตราสารหนี้นั้นถือว่ามีสภาพคล่องสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น แต่จะมีความผันผวนบ้างเล็กน้อย เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารได้มีการปรับตัวลดลงมา จึงทำให้เภาครัฐได้มีมาตรการต่างๆออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการออกตราสารหนี้ออกมาขายให้แก่นักลงทุนกว่าแสนล้านบาทและจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มมาด้วย
นอกจากนี้การลงทุนในตราสารหนี้ หลังจากที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาประสบกับปัญหาทางการเงินจนทำให้ประเทศเกิดภาวะขาดสภาพคล่องขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯได้มีประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจนเกือบจะเหลือ 0% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเข้าไปในตลาดเงิน ซึ่งปัจจุบันได้ส่งผลให้ธนาคารต่างๆปล่อยสินเชื่อมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
" การเกิดวิกฤตการเงินของสหรัฐฯในปี2551 ส่งผลให้ตลาดหุ้นภายในประเทศไทยต้องการหยุดการซื้อขายถึง 2 ครั้งด้วยกัน จึงทำให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้ปีนี้ นักลงทุนควรเลือกลงทุนกับบริษัทที่มีการจัดอันดับการลงทุน(เรทติ้ง)และมีความั่นคงสูง โดยควรจะเน้นการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐบาลมากกว่าหุ้นกู้เอกชน ซึ่งการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเมื่อเทียบผลตอบแทนจะพบว่าให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงนัก ขณะที่การลงทุนในหุ้นกู้เอกชนช่วงนี้ สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลแต่ความเสี่ยงของการลงทุนก็มีมากกว่า ทำให้หุ้นกู้เอกชนเริ่มที่จะกลับมากระเตื้องอีกครั้ง "นายอาสากล่าว
สุดท้าย ราคาทองคำ กฤชรัตน์ หิรัชศิริ รองเลขาธิการสมาคมผู้ค้าทองคำ เล่าว่า ราคาทองเป็นอะไรที่แตกต่างจากภาวะเศรษฐกิจโลก คือยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีราคาทองจะยิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงวิกฤตแต่ราคาทองในปี 2551 กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% ซึ่งในปี 2550 ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20% ทั้งนี้สำหรับผลตอบแทนของราคาทองที่ผ่านมานั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกแก่นักลงทุนทั้งนั้น
"ทองคำถือเป็นเซกเตอร์ที่แยกออกมาจากตลาดหุ้นอย่างชัดเจน เช่นในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังย่ำแย่แต่ราคาทองคำกลับโตสวนทางกลับตลาดโดยสิ้นเชิง โดยมั่นใจว่าราคาทองคำปีนี้จะดีอย่างแน่นอน เพราะหลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ดังนั้นราคาทองคำซึ่งสวนกระแสกับตลาดจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนได้
สำหรับราคาทองคำในตลาดขณะนี้ ขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์ โดยที่ราคาทองคำจะปรับตัวไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐซึ่งในปี 2551 ที่ผ่านมาราคาทองคำมีความผันผวนสูงมากตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงปลายปี และตลอดทั้งปีให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 3%
นาย กฤชรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับที่หลายฝ่ายมองว่าราคาน้ำมันกับราคาทองคำจะมีทิศทางไปในทางเดียวกันนั้น ที่ผ่านมาคงจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าราคาน้ำมันและราคาทองคำนั้นไม่ไได้มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน เพราะจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงไม่ได้ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันด้วยเลย แต่ราคาทองคำกับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันโดยสิ้นเชิง
"การลงทุนในทองคำปีนี้ ค่อนข้างจะผันผวนตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นการลงทุนต้องรู้จักที่จะบริหารและแบ่งสัดส่วนการลงทุนให้ดี พร้อมทั้งการจับจังหวะการลงทุนที่ถูกเวลาจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให่แก่นักลงทุนได้"
หลังจากที่บุคคลากรในวงการได้เสนอข้อคิดเห็นออกมามากมาย คงจะทำให้นักลงทุนมีข้อมูลดีๆที่จะลงทุนในปีฉลูนี้ไม่มากก็น้อย
โดยเมื่อวันศุกร์(9มกราคม)ที่ผ่านมา คอลัมน์ASTVผู้จัดการกองทุนได้มีโอกาสได้ไปฟังสัมนาในหัว "หุ้น - ทองคำ - พันธบัตร ...จัดพอร์ตให้ฉลาดรับปีฉลู" ซึ่งได้มีบุคลากรในวงการมาร่วมแสดงความคึดเห็นมากมาย เริ่มต้นด้วย...
นางอาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์และวางแผน กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ(กบข.) บอกว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะมีความแตกต่างจากช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อพ.ศ. 2540 โดยปัญหาเศรษฐกิจในครั้งนี้เกิดจากปัจจัยภายนอกหรือเศรษฐกิจโลกเข้ามาส่งผลกระทบไม่ได้เกิดจากภายในเหมือนครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเศรษฐกิจไทยขณะนี้ถือว่ายังไม่ถึงจุดต่ำสุด คาดว่านักลงทุนคงจะได้เห็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ต่ำมากกว่านี้ ขณะเดียวกันนั้นนักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ภาพรวมเศรษฐกิจไทยเกี่ยวกับตลาดหุ้นว่าที่ผ่านมาตลาดหุ้นยังไม่ได้อยู่จุดต่ำสุด
ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่จะประกาศออกมาของไตรมาส 4 ปี 2551 จะติดลบ โดยจากจุดนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการที่จะกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้งในไตรมาส 1 นี้ ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 2 ตัวเลขจะยังคงติดลบตามไตรมาสแรกของปีด้วย ขณะที่ไตรมาส 3 นักวิเคราะห์ต่างได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะติดลบเพียง 0.4 % เท่านั้น ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปี 52 นั้นตัวเลขเศรษฐกิจอาจจะปรับเป็นบวกเพียงเล็กน้อย ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจของญี่ปุ่นและยุโรปได้มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศนี้จะติดลบทั้งปี
สำหรับสาเหตุที่เศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วส่วนหนึ่งมาจากการที่สหรัฐได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาแรงจนปัจจุบันนี้อัตราดอกเบี้ยเกือบจะเหลือ 0% ทำให้ภาคธุรกิจ และภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มที่จะปรับตัวดีขึ้น ธนาคารกล้าที่จะปล่อยสินเชื่อมากขึ้น นักลงทุนกล้าที่จะกลับเข้าไปลงทุนมากขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังของนาย โอบามา จะสามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาไม่ให้ติดลบ โดยจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความหยืดหยุ่น ทั้งนี้ มาตรการที่นายโอบามานำมาใช้ จะเป็นนโยบายที่เลือกใช้นั้นเน้นการกระจายที่เร็วและแรง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ได้ผลมากที่สุด
การที่เศรษฐกิจชะลอตัวทำให้สินค้าในกลุ่มโภคภัณฑ์(คอมอดิตี) ปรับราคาลดลงจาก่อนหน้านี้ อีกทั้งทำให้กำลังซื้อลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ สำหรับการใช้มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยจะไม่ได้ผลหากว่าการเมืองภายในประเทศไม่นิ่ง โดยในไตรมาส 4/2551 นี้คาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจจะอยู่ที่ -2% ในไตรมาส 1เศรษฐกิจจะติดลบ 0.6% แต่หากโชคดีมาตรการต่างๆได้ผลเร็วจะทำให้ไตรมาส 2 ตัวเลขเศรษฐกิจจะไม่ติดลบ
"การลงทุนในปีฉลู จะต้องมีการกระจายการลงทุนไปยังทุกๆสินทรัพย์ แต่ทั้งนี้การกระจายนั้นจะต้องคำนวนสัดส่วนการลงทุนด้วยว่ามีแต่ละสินทรัพย์มีสัดส่วนเท่าไหร่ การถือครองจะเน้นการถือระยะสั้นหรือระยะยาว โดยมองเป้าหมายของการลงทุนว่าต้องการผลตอบแทนของการลงทุนว่าต้องการมากน้อยแค่ไหน จากนั้นจึงเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนในการลงทุนได้"นางอาภรณ์กล่าว
นายวิศิษฏ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า สำหรับตลาดหุ้นนั้นจะเห็นตัวเลขต่ำสุดในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยราคาหุ้นตกลงต่ำสุดก่อนเศรษฐกิจ 3-6 เดือน ซึ่งการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจนั้นจะต้องใช้ระยะเวลา 2-3 ปีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนคงได้รับข่าวดังกล่าวไปล่วงหน้าแล้ว
ทั้งนี้ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประสบกับปัญหาการล้มละลายของวาณิชธนกิจชั้นนำ อาทิ เลห์แมน บราเธอร์ส เราเชื่อว่าจะไม่มีสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกาประสบกับภาวะการล้มละลายอีก แต่ที่น่าสนใจและน่าจับตามองมากกว่าเศรษฐกิจสหรัฐก็คือเศรษฐกิจยุโรปที่ได้รับผลกระทบไม่แตกต่างไปจากสหรัฐฯ ซึ่งจะต้องจับตาดูประเทศยูเครน และอิตาลี เป็นพิเศษ ว่าแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้จะเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสหรัฐได้ถือว่าผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาแล้ว โดยตัวเลขเศรษฐกิจของไตรมาส 4/2551 ที่ประกาศออกมาอยู่ที่ -4.7% แต่สำหรับยุโรปนั้นเศรษฐกิจจะปรับตัวลงไปจุดต่ำสุดหลังสหรัฐฯ 3-6 เดือน ทั้งนี้ หากยุโรปประสบกับปัญหาวิกฤตทางการเงินจะทำให้การลงทุนในยุโรปสำหรับปีนี้ไม่ค่อยจะหวือหวามากนัก
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นได้ส่งผลต่อประเทศไทย โดยทำให้ช่วงที่ผ่านมามีเม็ดเงินไหลออกนอกประเทศกว่า 3.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product หรือ GDP) แต่ทั้งนี้ในไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้ กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีครบกำหนดอายุไหลกลับเข้ามาในประเทศกว่า 150,000 ล้านบาท จากที่ผ่านมาได้มีนักลงทุนชาวต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นจนทำให้มีเม็ดเงินไหลออกกว่า 3.5% ส่งผลให้ค่าเงินมีการผันผวน รวมไปถึงราคาหุ้น ทองคำ และดัชนีบริโภค แต่เงินเฟ้อจะมีการผันผวนมากที่สุด
"คาดว่าปีนี้ ค่าเงินเฟ้อในช่วงต้นปีนี้จะปรับตัวลดลง จากนั้นในช่วงกลางปีค่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลดลงจนถึงติดลบ แต่หากว่าในช่วงปลายปีราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50-60 เหรียญต่อบาร์เรล ดัชนี้บริโภคจะผันผวน นอกจากนี้เม็ดเงินที่นักลงทุนต่างประเทศได้เทขายหุ้นเพื่อนำกลับประเทศ ขณะนี้ได้ทยอยกลับเข้ามาลงทุนในประเทศบ้างแล้ว แต่นักลงทุนควรที่จะติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด"
นายวิศิษฏ์ ยังบอกอีกว่า สำหรับการทำกำไรสำหรับหุ้นนั้น หากหุ้นลงให้นักลงทุนซื้อ แต่หากหุ้นขึ้นให้นักลงทุนขาย แต่ทั้งนี้นักลงทุนเลือกหุ้นที่ไม่มีใครคาดคิด เช่นก่อนหน้านี้ ผมได้มีการแนะนำนักลงทุนเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น และได้เสนอรายชื่อหุ้นให้กับนักลงทุนแล้วสามารถที่จะสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนได้ โดยอาศัยหลักการที่กล่าวมานี้ อีกทั้ง การจัดการสินทรัพย์เหมาะสมกับอายุของการลงทุน พร้อมทั้งมีการจัดการบริหารความเสี่ยงที่ดีถือเป็นหัวใจที่สำคุญของการลงทุน
ขณะที่ นายอาสา อินทรวิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด ได้กล่าวถึงการลงทุนในตราสารหนี้ว่าสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้นั้น ในส่วนของอัตราผลตอบแทนได้ปรับตัวลดลงมาจากกลางปีที่ 2551 แล้ว โดยการลงทุนในตราสารหนี้นั้นถือว่ามีสภาพคล่องสูงกว่าการลงทุนในตลาดหุ้น แต่จะมีความผันผวนบ้างเล็กน้อย เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารได้มีการปรับตัวลดลงมา จึงทำให้เภาครัฐได้มีมาตรการต่างๆออกมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหลังจากนี้ รัฐบาลจะมีการออกตราสารหนี้ออกมาขายให้แก่นักลงทุนกว่าแสนล้านบาทและจะทำให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดตราสารหนี้ปรับตัวเพิ่มมาด้วย
นอกจากนี้การลงทุนในตราสารหนี้ หลังจากที่ผ่านมาสหรัฐอเมริกาประสบกับปัญหาทางการเงินจนทำให้ประเทศเกิดภาวะขาดสภาพคล่องขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯได้มีประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจนเกือบจะเหลือ 0% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเข้าไปในตลาดเงิน ซึ่งปัจจุบันได้ส่งผลให้ธนาคารต่างๆปล่อยสินเชื่อมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น
" การเกิดวิกฤตการเงินของสหรัฐฯในปี2551 ส่งผลให้ตลาดหุ้นภายในประเทศไทยต้องการหยุดการซื้อขายถึง 2 ครั้งด้วยกัน จึงทำให้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการลงทุนในตราสารหนี้ปีนี้ นักลงทุนควรเลือกลงทุนกับบริษัทที่มีการจัดอันดับการลงทุน(เรทติ้ง)และมีความั่นคงสูง โดยควรจะเน้นการลงทุนในพันธบัตรภาครัฐบาลมากกว่าหุ้นกู้เอกชน ซึ่งการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเมื่อเทียบผลตอบแทนจะพบว่าให้ผลตอบแทนที่ไม่สูงนัก ขณะที่การลงทุนในหุ้นกู้เอกชนช่วงนี้ สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลแต่ความเสี่ยงของการลงทุนก็มีมากกว่า ทำให้หุ้นกู้เอกชนเริ่มที่จะกลับมากระเตื้องอีกครั้ง "นายอาสากล่าว
สุดท้าย ราคาทองคำ กฤชรัตน์ หิรัชศิริ รองเลขาธิการสมาคมผู้ค้าทองคำ เล่าว่า ราคาทองเป็นอะไรที่แตกต่างจากภาวะเศรษฐกิจโลก คือยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีราคาทองจะยิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงวิกฤตแต่ราคาทองในปี 2551 กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 3% ซึ่งในปี 2550 ราคาทองปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 20% ทั้งนี้สำหรับผลตอบแทนของราคาทองที่ผ่านมานั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่เป็นบวกแก่นักลงทุนทั้งนั้น
"ทองคำถือเป็นเซกเตอร์ที่แยกออกมาจากตลาดหุ้นอย่างชัดเจน เช่นในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังย่ำแย่แต่ราคาทองคำกลับโตสวนทางกลับตลาดโดยสิ้นเชิง โดยมั่นใจว่าราคาทองคำปีนี้จะดีอย่างแน่นอน เพราะหลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ดังนั้นราคาทองคำซึ่งสวนกระแสกับตลาดจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้นักลงทุนได้
สำหรับราคาทองคำในตลาดขณะนี้ ขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์ โดยที่ราคาทองคำจะปรับตัวไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐซึ่งในปี 2551 ที่ผ่านมาราคาทองคำมีความผันผวนสูงมากตั้งแต่ต้นปีไปจนถึงปลายปี และตลอดทั้งปีให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นถึง 3%
นาย กฤชรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับที่หลายฝ่ายมองว่าราคาน้ำมันกับราคาทองคำจะมีทิศทางไปในทางเดียวกันนั้น ที่ผ่านมาคงจะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าราคาน้ำมันและราคาทองคำนั้นไม่ไได้มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน เพราะจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงไม่ได้ทำให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันด้วยเลย แต่ราคาทองคำกับเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันโดยสิ้นเชิง
"การลงทุนในทองคำปีนี้ ค่อนข้างจะผันผวนตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นการลงทุนต้องรู้จักที่จะบริหารและแบ่งสัดส่วนการลงทุนให้ดี พร้อมทั้งการจับจังหวะการลงทุนที่ถูกเวลาจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให่แก่นักลงทุนได้"
หลังจากที่บุคคลากรในวงการได้เสนอข้อคิดเห็นออกมามากมาย คงจะทำให้นักลงทุนมีข้อมูลดีๆที่จะลงทุนในปีฉลูนี้ไม่มากก็น้อย