บลจ.หนุนStock Futuresลดความเสี่ยง เอวายเอฟรุกคืบเสนอบริการลูกค้าไพรเวตฟันด์

ผู้บริหารหลายบลจ. มอง Stock Futures หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงหุ้นรายตัว ช่วยลดความเสี่ยงจากพอร์ตการลงทุนได้จริง เเต่ตัวเลือกหุ้นยังมีให้เลือกน้อย ประกอบกับขอดูสถานณ์กาณ์ก่อน เมื่อถึงเวลาเหมาะสมจะเข้าไปลงทุนเเน่นอน บลจ.อยุธยาเตรียมหารือลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลเข้าลงทุน ส่วนกองทุนรวมหุ้น อาจจะต้องขอมติจากผู้ถือหน่วยก่อน ชี้หุ้นที่มีอยู่ในตลาด อาจไม่ได้รับความนิยมช่วงนี้

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ กล่าวว่า ตอนนี้บลจ.เรากำลังดูการลงทุนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอ้างอิงหุ้นรายตัวหรือ Stock Futures อยู่เช่นกัน โดยเรามองว่ายังมีหุ้นให้เลือกลงทุนน้อยประกอบกับหุ้นที่มีอยู่ ณ เวลานี้อาจไม่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเท่าที่ควร หากทางตลาดอนุพันธ์ (TFEX) มีหุ้นตัวใหญ่หลายตัวให้เลือกลงทุน น่าจะได้รับความนิยมมากว่านี้ ซึ่งทางบลจ.ต้องรอช่วงเวลาที่เหมาะสม อาจจะใช้กองทุนหุ้นที่มีอยู่เข้าไปลงทุน เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง เเต่ทั้งนี้อาจจะต้องใช้เวลาในการขอมติจากผู้ถือหน่วยเสียก่อน ส่วนกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวตฟันด์) นั้นมีเเนวโน้มเข้าไปลงทุนใน Stock Futures ค่อนข้างสูง เนื่องจากเราได้พูดคุยกับลูกค้าทุกวันการทำธุรกรรมจึงเร็วขึ้นทำให้ใช้เวลาในการตัดสินใจเข้าไปลงทุนค่อนข้างเร็ว

นายจุมพล สายมาลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด กองทุนรวม บลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บลจ.มีความสนใจลงทุน Stock Futures ที่เปิดซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ เเต่ทั้งนี้คงจะต้องรอดูช่วงเวลาที่เหมาะสมเสียก่อน โดยกองทุนที่จะเข้าไปลงทุนใน Stock Futures นี้จะเป็นกองทุนที่บลจ.ตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งเราชื่อว่า การลงทุนเเบบ Stock Futures จะสามารถป้องกันความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนได้ ในขณะเดียวกันฟิวเจอร์จะเป็นตัวช่วยลดความผันผวนได้อีกด้วย

ทางด้านนายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟิลลิป จำกัด มองว่า การลงทุน Stock Futures ยังใหม่สำหรับนักลงทุนไทยประกอบกับตลาดอนุพันธ์ของไทยยังเล็กเมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศ ทำให้บลจ.ยังไม่สนใจเข้าไปลงทุนในช่วงนี้คงต้องรอดูสถานการณ์ก่อน ประกอบกับบลจ.ฟิลลิป เป็นบลจ. ขนาดเล็กทำให้การตั้งกองทุนในลักษณะดังกล่าวอาจจะไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเมื่อเทียบกับบลจ.ขนาดใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า TFEX ได้ทำการเปิดซื้อขาย Stock Futures ไปเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา โดย Stock Futures ที่ทำการซื้อขายเป็นฟิวเจอร์สของหุ้น 3 ตัวด้วยกันได้แก่ PTT, PTTEP และ ADVANC ซึ่งเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่ มีสภาพคล่องสูง และเป็นหุ้นที่ผู้ลงทุนนิยมลงทุน ซึ่ง Stock Futures จะมีขนาดเท่ากับ 1,000 หุ้นต่อ 1 สัญญา และมีสัญญาที่ครบกำหนดในเดือนต่าง ๆ ให้เลือกซื้อขายทั้งสิ้น 4 สัญญา ได้แก่ เดือนมีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม โดย หากผู้ลงทุนถือไว้จนสัญญาครบอายุ ก็จะใช้วิธี ชำระราคาเป็นเงินสด (Cash SettlementPrice) โดยจะได้รับเงินส่วนกำไร หรือ จ่ายเงินส่วนขาดทุนให้แก่คู่สัญญา โดยไม่มีการส่งมอบหุ้นกันจริง ๆ ซึ่งเป็นไปในลักษณะเดียวกันกับ SET50 Index Futures อย่างไรก็ตาม ในส่วนของฐานะการถือครองสูงสุด หรือที่เรียกว่า Position Limit ของ Stock Futures นั้น

โดยก่อนหน้านี้นาย วนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบลจ. ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า การใช้Stock Futures)มาช่วยในการบริหารพอร์ตลงทุนนั้น บริษัทยังไม่มีความสนใจในการนำเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในการบริหารพอร์ตลงทุนในช่วงนี้ แต่คาดว่าอาจจะมีแนวโน้มนำเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม การที่ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลการซื้อขายอนุพันธ์ของสหรัฐอเมริกาได้ให้ความเห็นชอบ SET50 Index Futures ในการเป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ผู้ลงทุนในสหรัฐอเมริกาสามารถที่จะซื้อขายได้ในสหรัฐอเมริกานั้น ไม่แน่ใจว่าในระยะแรกจะมีนักลงทุนสหรัฐฯให้ความสนใจลงทุนมากน้อยแค่ไหน แต่คาดว่าจะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในอนาคต และอย่างน้อยจะเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนสหรัฐเองด้วย

ด้านนายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ จำกัด กล่าวว่า บริษัทไม่มีความสนใจในการนำStock Futures มาช่วยในการบริหารพอร์ตลงทุน เนื่องจากไม่สามาถทดแทนกันได้อย่างเหมาะสม และยังมีความเสี่ยงสูง แต่ยังมองว่ายังมีประโยชน์ในเรื่องของการลงทุนล่วงหน้าในยามที่คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาในอนาคต โดยสามารถนำ Stock Futures มาใช้ โดยสามารถจองซื้อในราคาปัจจุบันไว้ได้ หากเห็นว่าราคาปัจจุบันนั้นเหมาะสม ขณะเดียวกัน ยังใช้ในการป้องกันความเสี่ยง ในกรณีที่ซื้อหุ้นไว้ และทำการขายล่วงหน้า ล็อกราคาไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยง นอกจากนี้ Stock Futures ยังมีประโยชน์ในเรื่องผลตอบแทน เนื่องจากใช้เงินลงทุนเพียงบางส่วนในการลงทุน จึงมีโอกาสให้สามารถผลตอบแทนค่อนข้างมากในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นสูง แต่หากในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลง ก็จะทำให้ขาดทุนมากเช่นกัน ซึ่งนับเป็นประโยชน์ลักษณะตามธรรมชาติของการเล่นหุ้นรายตัว