บลจ.ทิสโก้เผยยอดลงทุนกองหุ้นพุ่ง หลังดัชนีตลาดทรุดหนัก โดย"ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์" แค่ไตรมาสเดียวยอดลงทุนเพิ่มกว่า 200% เหตุนักลงทุนบางส่วนเข้าใจและคิดว่าเป็นระดับที่น่าลงทุน ขณะเดียวกันเตรียมอัดโปรโมชั่นกระตุ้นยอด LTF และ RMF ปลายปี เริ่ม 30 ตุลาคม - 9 พฤศจิกายนนี้
นางสาวธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาดธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนทยอยเข้าลงทุนในกองทุนหุ้น และกองทาร์เก็ตฟันด์ที่เกี่ยวข้องกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ มีอัตราการเติบโตของการลงทุนในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 9.47% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงประมาณ 4.75% ส่วนในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 225.27% และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 5.09%
นอกจากนี้ในไตรมาสที่ผ่านมาหลังจากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับลดลงประมาณ 23.36% ทางบริษัทพบว่านักลงทุนยังเข้ามาลงทุนเพิ่มในกองทุนนี้อีกกว่า 35.64% ซึ่งถือว่าการเป็นการทยอยเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
“นักลงทุนนอกจากเข้ามาซื้อกองทาร์เก็ตฟันด์แล้ว ยังเข้ามาซื้อกองสแตรทิจิก ฟันด์ และกองหุ้นเปิดอื่นๆเพิ่มขึ้นด้วย โดยคนเหล่านี้เขาจะมองว่าดัชนีมันลดต่ำจนได้ระดับที่น่าจะเข้าลงทุนแล้วเขาก็จะมาซื้อกัน ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับกอง LTF และ RMF ที่มักจะเข้าซื้อเพื่อหักภาษีในช่วงปลายปี”นางสาวธีรินทร์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวข้างต้น ณ วันที่ 26 กันยายน 2551พบว่า ย้อนหลัง 1 ปีติดลบ 23.62% ซึ่งต่ำกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ติดลบอยู่ 26.79% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 5.87% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ติดลบ 14.42%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ทางบริษัทจะยังไม่มีกองทุนใหม่ออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะกองทุนที่จะลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องพิจารณาไปตามสาถนการณ์ เนื่องจากในช่วงทีผ่านมาปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในต่างประเทศมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนพอสมควร และทำให้ในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนผ่านกองทุนรวมค่อนข้างซบเซาด้วยเช่นกัน
นางสาวธีรินทร์ กล่าวอีกว่า การทำตลาดของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้คงจะเน้นในส่วนของกองทุน LTF และ RMF เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงปลายปีบริษัทเองไม่ค่อยที่จะทำการเปิดขายกองทุนใหม่ๆ อยู่แล้ว เนื่องจากมองว่ามีทรัพยากรในการจัดทำตัวเดียวกันน่าจะกระตุ้นในส่วนนี้มากกว่า
ทั้งนี้ ทางบริษัทยังได้เตรียมจัดงานเพื่อประชาสัมพันธ์การลงทุนในกองทุนรวมของบลจ.ทิสโก้ ณ ศูนย์การค้าเอสพานาด ถนนรัชดาฯ ในระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 9 พฤศจิกายน 2551
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดเตรียมโปโมชั่นพิเศษไว้ให้กับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นระยะยาว ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล และกองทุนเปิด ทิสโก้พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ ทิสโก้หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ โดยการลงทุนทุก 30,000 บาทจะได้รับบัตรของขวัญท็อปมูลค่า 100 บาท
ส่วนกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยวชีพจะได้รับบัตรของขวัญท็อปมูลค่า 200 บาท สำหรับการลงทุนทุก 30,000 บาท ซึ่งจะเป็นโปรชันที่พิเศษกว่าทุกกองทุนที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้กับลูกค้า
ขณะยอดรวมการลงทุนทุกๆ 60,000 บาทในกองทุนตราสารหนี้ อย่างกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้มั่นคงเพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ จะได้รับบัตรของขวัญท็อปมูลค่า 100 บาทด้วยเช่นกัน
นางสาวธีรินทร์ สุวรรณเตมีย์ หัวหน้าการตลาดธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนทยอยเข้าลงทุนในกองทุนหุ้น และกองทาร์เก็ตฟันด์ที่เกี่ยวข้องกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ มีอัตราการเติบโตของการลงทุนในไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ 9.47% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงประมาณ 4.75% ส่วนในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 225.27% และดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 5.09%
นอกจากนี้ในไตรมาสที่ผ่านมาหลังจากที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับลดลงประมาณ 23.36% ทางบริษัทพบว่านักลงทุนยังเข้ามาลงทุนเพิ่มในกองทุนนี้อีกกว่า 35.64% ซึ่งถือว่าการเป็นการทยอยเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี
“นักลงทุนนอกจากเข้ามาซื้อกองทาร์เก็ตฟันด์แล้ว ยังเข้ามาซื้อกองสแตรทิจิก ฟันด์ และกองหุ้นเปิดอื่นๆเพิ่มขึ้นด้วย โดยคนเหล่านี้เขาจะมองว่าดัชนีมันลดต่ำจนได้ระดับที่น่าจะเข้าลงทุนแล้วเขาก็จะมาซื้อกัน ซึ่งจะไม่เกี่ยวกับกอง LTF และ RMF ที่มักจะเข้าซื้อเพื่อหักภาษีในช่วงปลายปี”นางสาวธีรินทร์กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุนดังกล่าวข้างต้น ณ วันที่ 26 กันยายน 2551พบว่า ย้อนหลัง 1 ปีติดลบ 23.62% ซึ่งต่ำกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ติดลบอยู่ 26.79% ย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 5.87% สูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ติดลบ 14.42%
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ทางบริษัทจะยังไม่มีกองทุนใหม่ออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะกองทุนที่จะลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งจะต้องพิจารณาไปตามสาถนการณ์ เนื่องจากในช่วงทีผ่านมาปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในต่างประเทศมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนพอสมควร และทำให้ในช่วงที่ผ่านมาการลงทุนผ่านกองทุนรวมค่อนข้างซบเซาด้วยเช่นกัน
นางสาวธีรินทร์ กล่าวอีกว่า การทำตลาดของบริษัทในช่วงที่เหลือของปีนี้คงจะเน้นในส่วนของกองทุน LTF และ RMF เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงปลายปีบริษัทเองไม่ค่อยที่จะทำการเปิดขายกองทุนใหม่ๆ อยู่แล้ว เนื่องจากมองว่ามีทรัพยากรในการจัดทำตัวเดียวกันน่าจะกระตุ้นในส่วนนี้มากกว่า
ทั้งนี้ ทางบริษัทยังได้เตรียมจัดงานเพื่อประชาสัมพันธ์การลงทุนในกองทุนรวมของบลจ.ทิสโก้ ณ ศูนย์การค้าเอสพานาด ถนนรัชดาฯ ในระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 9 พฤศจิกายน 2551
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดเตรียมโปโมชั่นพิเศษไว้ให้กับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนเปิดทิสโก้ หุ้นระยะยาว ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล และกองทุนเปิด ทิสโก้พลทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ ทิสโก้หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ โดยการลงทุนทุก 30,000 บาทจะได้รับบัตรของขวัญท็อปมูลค่า 100 บาท
ส่วนกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อินเดีย เพื่อการเลี้ยวชีพจะได้รับบัตรของขวัญท็อปมูลค่า 200 บาท สำหรับการลงทุนทุก 30,000 บาท ซึ่งจะเป็นโปรชันที่พิเศษกว่าทุกกองทุนที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้กับลูกค้า
ขณะยอดรวมการลงทุนทุกๆ 60,000 บาทในกองทุนตราสารหนี้ อย่างกองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้มั่นคงเพื่อการเลี้ยงชีพ และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ จะได้รับบัตรของขวัญท็อปมูลค่า 100 บาทด้วยเช่นกัน