คงไม่มีใครปฏิเสธว่าปัจจัยลบจากทั้งในและนอกประเทศตอนนี้ สร้างความยุ่งยากให้แก่การลงทุนมากน้อยเพียงใด นักลงทุนหลายรายต่างพยายามพลิกหากลยุทธ์ โดยมุ่งหมายว่าจะทำอย่างไงเพื่อให้ผลตอบแทนไม่ติดลบ ขณะที่บางคนกลัวภาวะตลาดหุ้นซึ่งผันผวนหนักและอ่อนไหวง่ายกับทุกเรื่องจนล้างพอร์ตการลงทุนทิ้งทั้งหมด แล้วหันมาหาการลงทุนในตราสาหรนี้ หรือฝากเงินกับธนาคาร แล้วก็ต้องมากุมขมับกันที่หลังเพราะผลตอบแทนที่ได้รับมันไม่คุ้มค่า
วันนี้คอลัมน์ MutualFund IPO ขอแนะนำทางเลือกการลงทุนใหม่ ซึ่งอาจจะสามารถตอบโจทย์นักลงทุนที่ไม่อยากรับความเสี่ยงสูง แต่ยังหวังจะได้รับผลตอบแทนที่ดีจากตลาดตราสารทุนนั้นก็คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์เสถียรทรัพย์พรีเมียม 6 กองทุนใหม่ภายใต้การบริหารจัดการของบริษหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนผสมแบบกำหนดสัดส่วนการลงทุนในตราสารทุน มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท และมีอายุโครงการประมาณ 9 เดือน ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะทำการเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) และครั้งเดียวระหว่างวันที่ 3 – 9 ตุลาคมนี้ และมีมูลค่าเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 10,000 บาท
ทั้งนี้กองทุนไทยพาณิชย์เสถียรทรัพย์พรีเมียม 6 มีนโยบายลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย หรือพันธบัตรหรือตราสารแห่งหนี้ที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกัน หรือพันธบัตร หรือตราสารแห่งหนี้ที่กระทรวงการคลัง เป็นผู้ออก ผู้รับอาวัล หรือผู้ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย และ/หรือตราสารแห่งหนี้ ตราสารทางการเงิน และ/หรือเงินฝากของสถาบันการเงินหรือธนาคารที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น และ/หรือตราสารหนี้ภาคเอกชน ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม
นอกจากนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ตการลงทุน Efficient Portfolio Management (EPM) ไม่เกินร้อยละ 5 ของมูลค่าทรัพย์สินที่นำไปจดทะเบียนกองทุน ทั้งนี้ กองทุนจะไม่ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) โดยการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า บริษัทจัดการจะพิจารณาลงทุนหรือมีไว้ซึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้าประเภทสัญญาสวอปที่มีสิทธิได้รับชำระเงินจากผู้ออกตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งคิดอัตราผลตอบแทนอ้างอิงจากการพิจารณาดัชนี SET 50
โดยกองทุนไทยพาณิชย์เสถียรทรัพย์พรีเมียม 6 มีนโยบายการจ่ายผลตอบแทนโดยอ้างอิงกับดัชนี SET50 ดังนี้ 1.ในกรณีที่ดัชนี SET50 ณ วันครบอายุโครงการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ขึ้นไปเมื่อเทียบกับกับดัชนี SET50 ณ วันเริ่มต้นโครงการ จะได้รับผลตอบแทน 7% ต่อปี 2.ในกรณีที่ดัชนี SET50 ณ วันครบอายุโครงการ อยู่ในระดับเดิมหรือปรับขึ้นไม่ถึง 10% จะได้รับผลตอบแทน 1% ต่อปี และ 3.ในกรณีที่ดัชนี SET50 ณ วันครบอายุโครงการ อยู่ในระดับต่ำกว่าดัชนี SET50 ณ วันเริ่มต้นโครงการ จะไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ แต่จะได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน
เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวแนะนำกองทุนว่า กองทุนดังกล่าวนับเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนที่ต้องการได้รับความปลอดภัยสูง และขณะเดียวกันก็ยังต้องการได้รับผลตอบแทนจากตลาดหุ้นไทย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่จะนำไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย แต่มีส่วนหนึ่งของกองทุนนำไปลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนเมื่อตลาดหุ้นไทยปรับตัวสูงขึ้นในระยะเวลา 9 เดือนข้างหน้า หรือภายในครึ่งปีแรกของปี 2552 เพราะได้รับผลจากการที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่มักจะฟื้นตัวก่อนเศรษฐกิจฟื้นตัว
“จังหวะการลงทุนถือว่าเหมาะสม และเป็นผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับสภาวะตลาดในปัจจุบัน ซึ่งนักลงทุนต้องการลงทุนที่ใกล้บ้าน โดยสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจในระดับ 7% ขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอยู่ที่ 3.4% ส่วนหุ้นกู้เอกชนอยู่ที่ 3.5-3.6% และในปัจจุบันการที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาต่ำกว่า 600 จุด เชื่อว่ากองทุนนี้จะอัพไซส์พอสมควร แม้ว่าความผันผวนยังไม่จบลง ซึ่งโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลงมาในระยะสั้นยังมีอยู่ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะสามารถทำกำไรจากการที่ดัชนี SET50 ปรับตัวสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังได้รับการคุ้มครองเงินลงทุนครบทั้งจำนวนเมื่อสิ้นสุดโครงการ เนื่องจากกองทุนจะลงทุนส่วนใหญ่ในพันธบัตรรัฐบาลที่มีความมั่นคงสูง ทำให้ได้เงินลงทุนคืนเมื่อครบอายุกองทุน” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
ที่มารูป : library.thinkquest.org