xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.แนะลงทุนสหรัฐช้อนของถูก ทยอยเก็บเข้าพอร์ตปีหน้ามีโอกาสรีบาวด์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.แนะพลิกวิกฤตเป็นโอกาส เข้าลงทุนหุ้น อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ จากราคาที่ต่ำ และมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้า แต่ควรเป็นไปในรูปแบบทยอยลงทุน ชี้ทั้งพอร์ตควรมีหุ้นต่างประเทศประมาณ10-20% ส่วนตลาดุห้นไทยรอเพียงปัญหาทางการเมืองได้ข้อยุติ ต่างชาติจะกลับมาถือเหมือนเดิม

แหล่งข่าวผู้จัดการกองทุนรายหนึ่ง กล่าวถึงภาวะวิกฤตทางการเงินของสหรัฐอเมริกา ว่า ขณะนี้น่าจะเป็นช่วงที่นักลงทุนควรเตรียมเงินเข้าไปลงทุน ในหุ้น ภายหลังที่สภาครองเกรส มีมติอนุมัติแผนแก้ไขด้วยงบประมาณ 7 แสนล้านเหรียญ อย่างไรก็ตามนักลงทุนไม่ควรรีบร้อนเข้าไปลงทุนจนหมด ควรเป็นแบบทยอยเข้าไปลงทุนมากกว่า

ทั้งนี้วิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐ ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และทางยุโรปก็คาดว่าจะได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันบรรดานักเศรษฐศาสตร์ยังเชื่อว่าผลกระทบจากเรื่องดังกล่าวจะตามมาอีกหลายระลอก เห็นได้จากสินเชื่อบ้านในสหรัฐที่มีการนำออกมาขาย ซึ่งคาดว่าจะมีbacklog นานถึง 1ปี และราคาบ้านยังมีโอกาสปรับลดลงต่อ แต่จากที่มีการแก้กฎเกณฑ์ใหม่จะส่งผลให้บรรดาสถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อได้เป็นปกติ

สำหรับราคาหุ้นในสหรัฐ ณ ขณะนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงมามาก ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมีการปรับตัวลดลงมาแล้วประมาณ19% โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงิน แต่แผนการฟื้นฟูวิกฤตการเงินที่มีการเพิ่มวงเงินคุ้มครอง การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติม รวมถึงการอนุมัติให้ก.ล.ต.ไปศึกษาวิธีการบุ๊คบัญชีใหม่ โดยทำให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมีผลน้อยต่อบัญชีน้อยลง น่าจะช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐ เชื่อว่าจะมีการปรับตัวขึ้นมาช้ากว่าตลาดหุ้น เนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นจะสะท้อนหรือรับรู้ข่าวได้ก่อน โดยคาดว่าในช่วงปีหน้า ดัชนีตลาดหุ้นจะปรับตัวสูงขึ้น จึงนับเป็นโอกาสต่อการลงทุน ซึ่งมีวิธีให้เลือกได้หลากหลายรูปแบบ โดยปัจจุบันมีบริษัทจัดการลงทุนหลายแห่งจัดตั้งกองทุนขึ้นเพื่อระดมทุนไปลงทุนในตราสารทุนสหรัฐ แต่ก็ไม่ควรรีบเร่งเข้าไปทุนทั้งหมดในทันที ควรเป็นไปในแบบทยอยลงทุนมากกว่า โดยทยอยเข้าไปลงทุนตั้งแต่ปีนี้ และปรับเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

“การลงทุนเป็นเรื่องเฉพาะตัว เวลากำไรสูงก็จะมีความเสี่ยงที่สูงตามตัว เรื่องนี้อย่าไปตามคนอื่น ส่วนช่วงนี้อยากแนะนำให้ทยอยเก็บหุ้นต่างประเทศ แม้จะซื้อโดยตรงไม่ได้ ก็สามารถนำเงินมาลงทุนผ่านกองทุนหุ้นต่างประเทศที่มีการจัดตั้งอยู่ได้ ส่วนการกระจายพอร์ตลงทุนในหุ้นสหรัฐ อาจจะมีการลงทุนประมาณ 10 -20% จากเงินทั้งหมด และอย่าลืมหุ้นในประเทศ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วในพอร์ตน่าจะมีการลงทุนในหุ้นประมาณ 30 – 40%”

แหล่งข่าว กล่าวว่า ที่ผ่านมามีกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นทั่วโลกหลายโครงการ ซึ่งในหลายๆกองทุนให้ผลตอบแทนกลับคืนมาได้ในระดับที่น่าพอใจ ตัวอย่างเช่นกองทุนของบลจ.แห่งหนึ่งซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นสถาบันการเงินในสหรัฐและในยุโรป และที่ผ่านมาก็สามารถสร้างผลตอบแทนกลับคืนแก่นักลงทุนได้ในระดับที่ดี

“กองทุนนี้เน้นลงทุนในสถาบันการเงินในสหรัฐ และยุโรป ซึ่งสถาบันการเงินเหล่านี้ได้รับกระทบจากปัญาซับไพรม์น้อยมาก เพราะมีซีดีโอน้อย แต่จากข่าวที่ออกมาทำให้นักลงทุนวิตกกับสถานการณ์มากเงินไป สถาบันการเงืนเหล่านี้จึงได้รับผลกระทบไปด้วย ทั้งที่มีผลการดำเนินงานออกมาดีโดยตลอด นอกจากนี้สถาบันการเงินที่กองทุนเข้าซื้อหุ้น ส่วนใหญ่จะเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่เชื่อมั่นได้ว่าเมื่อเกิดปัญหารัฐบาลสหรัฐจะเข้ามาช่วยเหลือทันที และตอนนี้ก็มีราคาถูกมาก จึงน่าลงทุน อีกทั้งหากรัฐบาลไม่ช่วย ก็เชื่อว่าหุ้นเหล่านี้จะได้รับความสนใจจากบรรดากองทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ เช่น กองทุนเทมาเส็ก กองทุนจากตะวันออกกลาง ทำให้ความเสี่ยงจากการลงทุนมีน้อยลงไปด้วย แต่โอกาสการรับผลตอบแทนก็สูงขึ้นอีก” แหล่งข่าวกล่าว

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า ตอนนี้คนไทยหลายคนมีแนวคิดที่จะส่งลูกไปเรียนที่สหรัฐ และมีแผนที่จะลงทุนด้วยการซื้อที่ดิน และบ้านที่นั่นเพราะราคาอสังหาริมทรัพย์มีการปรับลดลงไปอย่างมาก ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นอีกการลงทุนหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะหลายฝ่ายประเมินว่าไม่เกิน 1-2ปีนี้เศรษฐกิจของสหรัฐจะฟื้นตัวกลับมาและเติบโตเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นผู้ที่ลงทุนในสหรัฐน่าจะได้รับผลตอบแทนจาก 2 ทาง คือในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน เพราะขณะนี้ค่าเงินดอลล่าร์ รวมถึงราคาอสังหาฯที่จะเริ่มปรับตัวกลับขึ้นมา ทำให้จุดนี้ถือว่าจะเป็นโอกาสที่ดีต่อการลงทุน อย่างไรก็ตามนักลงทุนควรเฝ้าติดตามข่าวสาร และรอจังหวะลงทุนที่ดีกว่านี้ก่อนเข้าไปลงทุน

ส่วนตลาดหุ้นไทยมองว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาซับไพรม์น้อยมาก อย่างไรก็ตามเมื่อเศรษฐกิจในสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ย่อมส่งผลถึงการส่งออก ซึ่งนับเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับเศรษฐกิจของไทยให้ชะลอตัวลงไปด้วย ขณะที่มุมมองในเรื่องความมั่นคง ประเมินว่าสถาบันการเงินของไทยที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ทางการเงินในสหรัฐนั้นมีน้อยมาก อีกทั้งบรรดาบรรษัทจดทะเบียนต่างมีหนี้สินต่อทุนอยู่ในระดับต่ำ ตัวเลขเงินเฟ้อก็มีการปรับตัวลดลง โดยภาพรวมอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปีนี้จะไม่สูงเท่ากับปีที่ผ่านมา แต่นักลงทุนต่างชาติหลายรายยังให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้น รอแต่ให้สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศคลี่คลายลงไปด้วยดีเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น