บลจ.อยุธยา เปิดขาย "อยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส6M4" เน้นลงทุนระยะสั้น 6 เดือน ในตราสารหนี้สถาบันการเวินเอกชน ระดับ A- ขึ้นไป ชูผลตอบเเทนไม่น้อนกว่า 3.65% ต่อปี เปิดไอพีโอพร้อมกันตั้งเเต่วันนี้ถึง 8 ตุลาคม 2551นี้
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ เปิดเผยว่า บลจ.อยุธยา กำลังอยู่ในช่วงการเสนอขายกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส6M4 (AYFETP6M4) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีอายุประมาณ 6 เดือน รุ่นที่ 4 ที่ออกต่อเนื่องกันมา เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ นักลงทุนที่ต้องการ ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ โดยให้ผลตอบเเทนไม่น้อยกว่า 3.65%ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเสนอขายหน่วยลงทุนตั้งเเต่วันนี้ถึง 8ตุลาคม 2551 นี้
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส6M4 จะเน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารทางการเงิน หรือตราสารหนี้ที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ธนาคารที่มีกฏหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสาขาของธนาคารต่างประเทศ รัฐวิสหกิจ หรือบริษัทเอกชนทั่วไป เป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน โดยมีที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป ซึ่งมีผู้ออก เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทิสโก้ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) เป็นต้น
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารของแต่ละแห่งไม่เกิน 25% ซึ่งกองทุนนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคง และแสวงหาโอกาสในการรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และผล ตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่น้อยกว่า 3.65% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.35%)
นายฉัตรพี กล่าวต่อว่า ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนของสถาบันการเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกา ทางบลจ.อยุธยาได้ปรับแผนกลยุทธ์มาออกกองทุนในประเทศตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดี โดยกองทุนนี้เป็นกองที่ 4 แล้วสำหรับซีรี่ย์ในประเทศที่ออกในปีนี้
นายฉัตรพี กล่าวอีกว่า คุณภาพของบริษัทที่ลงทุนเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากกว่าผลตอบแทน โดยกองทุน AYFETP6M4 จะลงทุนในบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป และทางฝ่ายจัดการกองทุนมีเกณฑ์การคัดเลือกบริษัทที่ลงทุนอย่างรัดกุม นอกจากจะต้องได้ A- ขึ้นไป ก็ต้องผ่านการกรองโดยคณะกรรมการพิจารณาเครดิตอีกครั้ง บางบริษัทที่ได้สูงกว่า A- แต่คณะกรรมการฯไม่อนุมัติให้ลงทุนก็มี โดยบจ.เราเน้นที่ความมั่นคงเป็นอันดับแรก นอกจากผลตอบแทนที่ได้รับ นักลงทุนควรศึกษาถึงนโยบายกองทุนว่าลงทุนในบริษัทใด อันดับความน่าเชื่อถืออย่างไร จึงค่อยตัดสินใจลงทุน ซึ่งผลตอบแทนที่สูงขึ้น ก็มักจะมากับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) อยุธยา จำกัด หรือ เอวายเอฟ เปิดเผยว่า บลจ.อยุธยา กำลังอยู่ในช่วงการเสนอขายกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส6M4 (AYFETP6M4) ซึ่งเป็นกองทุนที่มีอายุประมาณ 6 เดือน รุ่นที่ 4 ที่ออกต่อเนื่องกันมา เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ นักลงทุนที่ต้องการ ลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ โดยให้ผลตอบเเทนไม่น้อยกว่า 3.65%ต่อปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะเสนอขายหน่วยลงทุนตั้งเเต่วันนี้ถึง 8ตุลาคม 2551 นี้
สำหรับกองทุนเปิดอยุธยาเอ็นแฮนซ์ไทยโน้ทพลัส6M4 จะเน้นลงทุนในเงินฝาก ตราสารทางการเงิน หรือตราสารหนี้ที่ธนาคารพาณิชย์ในประเทศ ธนาคารที่มีกฏหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสาขาของธนาคารต่างประเทศ รัฐวิสหกิจ หรือบริษัทเอกชนทั่วไป เป็นผู้ออก ผู้รับรอง ผู้สลักหลัง หรือผู้ค้ำประกัน โดยมีที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป ซึ่งมีผู้ออก เช่น ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทิสโก้ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ บริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) เป็นต้น
ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะลงทุนในตราสารของแต่ละแห่งไม่เกิน 25% ซึ่งกองทุนนี้เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่มั่นคง และแสวงหาโอกาสในการรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และผล ตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติไม่น้อยกว่า 3.65% ต่อปี (หลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 0.35%)
นายฉัตรพี กล่าวต่อว่า ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนของสถาบันการเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะสถาบันการเงินของสหรัฐอเมริกา ทางบลจ.อยุธยาได้ปรับแผนกลยุทธ์มาออกกองทุนในประเทศตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับที่ดี โดยกองทุนนี้เป็นกองที่ 4 แล้วสำหรับซีรี่ย์ในประเทศที่ออกในปีนี้
นายฉัตรพี กล่าวอีกว่า คุณภาพของบริษัทที่ลงทุนเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากกว่าผลตอบแทน โดยกองทุน AYFETP6M4 จะลงทุนในบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ A- ขึ้นไป และทางฝ่ายจัดการกองทุนมีเกณฑ์การคัดเลือกบริษัทที่ลงทุนอย่างรัดกุม นอกจากจะต้องได้ A- ขึ้นไป ก็ต้องผ่านการกรองโดยคณะกรรมการพิจารณาเครดิตอีกครั้ง บางบริษัทที่ได้สูงกว่า A- แต่คณะกรรมการฯไม่อนุมัติให้ลงทุนก็มี โดยบจ.เราเน้นที่ความมั่นคงเป็นอันดับแรก นอกจากผลตอบแทนที่ได้รับ นักลงทุนควรศึกษาถึงนโยบายกองทุนว่าลงทุนในบริษัทใด อันดับความน่าเชื่อถืออย่างไร จึงค่อยตัดสินใจลงทุน ซึ่งผลตอบแทนที่สูงขึ้น ก็มักจะมากับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน