หมุนเวียนมาถึงอีกครั้ง สำหรับงาน "ตลาดนัดกองทุนรวม : Mutual Fund Fair" หลังจากที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้เดิดนสายจัดงานนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในศูนย์การค้า เพื่อต้องการเข้าถึงกลุ่มนักลงทุนรายใหม่มากขึ้น...โดยในครั้งนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18 -21 กันยายน ณ บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางการช้อปปิ้งของคนทุกกลุ่มเลยทีเดียว
ส่วนงาน "Mutual Fund Fair" ในครั้งนี้ มีจุดเด่นอะไร หรือมีความแตกต่างจากครั้งที่ผ่านมาอย่างไร "ผู้จัดการกองทุนรวม" มีคำตอบมาให้ พร้อมทั้งยกโปรโมชั่นเด็ดๆ จากบรรดาบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ที่พร้อมหน้าพร้อมตามาร่วมงานนี้อย่างคับคั่ง
เก่งกล้า รักเผ่าพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า คอนเซปต์ของงาน "ตลาดนัดกองทุนรวม" ในครั้งนี้ เราต้องการให้ผู้ลงทุนเข้าใจรูปแบบการลงทุนต่างๆ ที่เหมาะสมกับแต่ละตน นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า FIT... ซึ่งเราต้องการเปรียบเทียบกับการตัดเสื้อผ้า ที่ต้องมีการวัดไซด์ ขนาด รูปร่างของแต่ละคน เช่นเดียวกับการลงทุน ที่ต้องวัดความเสี่ยง และความต้องการลงทุนของแต่ละคนที่ต่างกันออกไป
โดยภายในงานนี้ จะมีบรรดาบริษัทจัดการกองทุนมาร่วมออกบูทเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา โดยแต่ละแห่งก็จะนำกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารของแต่ละแห่งมานำเสนอให้ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) กองทุนรวมต่างประเทศ (เอฟไอเอฟ) รวมถึงกองทุนตราสารหนี้ด้วย นอกเหนือจากนั้น ก็จะมีงานสัมมนาให้ข้อมูลการลงทุนจากบรรดาผู้รู้และตัวแทนจากบริษัทจัดการเป็นวิทยากรด้วย
แต่สิ่งพิเศษสำหรับงานในครั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ ฯ จะเปิดตัวโครงการ "เกษียณยิ้ม" อย่างเป็นทางการ โดยโครงการดังกล่าว เน้นกลุ่มผู้ลงทุนที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการวางแผนเตรียมความพร้อมรับวัยเกษียณ อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าว ไม่จำกัดเฉพาะคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไปเท่านั้น แต่ยังเหมาะสำหรับนักลงทุนที่สนใจทุกท่านด้วย
เก่งกล้า กล่าวว่า งานตลาดนัดกองทุนรวมในครั้งนี้ เป็นความต้องการของเรา ที่ต้องการขยายการลงทุนเข้าในศูนย์การค้ามากขึ้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ใครที่มาช้อปปิ้งหรือเดินผ่านมาผ่านไป ก็สามารถเข้ามาร่วมงานครั้งนี้ได้ทุกคน ซึ่งเชื่อว่าทุกคนที่มางานนี้ น่าจะได้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนมากขึ้น
โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. ทหารไทย กล่าวว่า บริษัทได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนรวม LTF – RMF ตั้งแต่ 2 มกราคม 2551 ไปจนถึงสิ้นปีนี้ โดยหากซื้อหน่วยลงทุน LTF หรือ RMF ทุกๆ 100,000 บาท จะได้รับเงินลงทุนพิเศษในกองทุนเปิดทหารไทยธนบดีมูลค่า 500 บาท , ลงทุน 200,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน 1,000 บาท และพิเศษสำหรับลูกค้าเก่าที่มีชื่อจดทะเบียนกับบริษัทฯจนถึงวันที่ 28 ธันวาคม 2550 ไม่ว่าลงทุนกองทุนใดก็ได้และยังมียอดคงเหลือในบัญชี เมื่อซื้อ LTF หรือ RMF 100,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุนเพิ่มอีก 100 บาท หรือคิดเป็นหน่วยลงทุนที่ลูกค้าเก่าจะได้รับทั้งสิ้น 600 บาท หรือหากลงทุน 200,000 บาท ก็จะได้รับหน่วยลงทุนกองทุนทหารไทยธนบดี 1,200 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีนโยบายกระตุ้นผู้ถือหน่วยให้มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องทุกๆเดือนเพื่อกระจายความเสี่ยง โดยบริษัทมีกองทุน RMF ภายใต้การบริหารจัดการ 3 กองทุนมีสินทรัพย์รวมกว่า 2,621 ล้านบาท (ณ วันที่ 15 กันยายน 51) ประกอบด้วย กองทุนเปิดทหารไทยธนบดีเพื่อการเลี้ยงชีพซึ่งเป็นกองทุนประเภทตราสารหนี้ , กองทุนเปิด Jumbo 25 เพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนเปิดทหารไทย SET 50 เพื่อการเลี้ยงชีพ สำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาวมี 2 กองทุนมีสินทรัพย์รวมกว่า 3,093 ล้านบาท (ณ วันที่ 15 กันยายน 51) ประกอบด้วยกองทุนเปิด Jumbo 25 ปันผลหุ้นระยะยาว และ กองทุนเปิด Jumbo Plus ปันผลหุ้นระยะยาว
...นักลงทุนท่านใดที่สนใจ พบกับบู๊ทของบลจ.ทหารไทยได้ในงาน “ตลาดนัดกองทุนรวม” (Mutual Fund Fair) ณ บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
จารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า ปัจจุบันในส่วนของลูกค้าบริษัทเริ่มมีความสนใจทยอยเข้าลงทุนในกองทุนหุ้น โดยเฉพาะในกองทุน LTF RMF มากขึ้นขึ้น โดยบริษัทยังคงรุกทำการตลาดในส่วนของกองทุนดังกล่าว โดยเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจแก่กลุ่มผู้ลงทุนในด้านสิทธิประโยชน์ของการลงทุนกับ กลุ่มพนักงานบริษัท ข้าราชการ และการออกบูธร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมกับการจัดรายการส่งเสริมการขาย ทั้งกับส่วนของผู้ลงทุนทั่วไปเอง หรือ ผ่านผู้สนับสนุนการขาย และรับซื้อคืนที่บลจ.แต่งตั้ง
โดยบริษัทได้จัดรายการส่งเสริมการขายเพื่อตอบแทนผู้ลงทุนที่ลงทุนในกองทุน RMF และ LTF ในปีนี้ เพื่อกระตุ้นการลงทุนในกองทุน LTF และ RMF โดยยอดเงินลงทุนตั้งแต่ 50,000 บาท รับ Flash Drive 1 GB มูลค่า 300 บาท ลงทุน 100,000 บาท รับ Flash Drive 4 GB มูลค่า 600 บาท ลงทุน 200,000 บาท รับ Bluetooth Samsung มูลค่า 1,350 บาท ลงทุน 300,000 บาท รับ MP 3 Samsung U3 ความจุ 1 GB มูลค่า 1,990 บาท ลงทุน 400,000 บาท รับ โทรศัพท์มือถือ Samsung C450 มูลค่า 2,750 บาท และลงทุน 600,000 บาทขึ้นไปรับ โทรศัพท์มือถือ Samsung E250 Slide มูลค่า 3,990 บาท ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ Asset Plus Call Center 02-672-1111
สำหรับงานตลาดนัดกองทุนรวม บลจ.แอสเซทพลัส ได้จัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ร่วมลงทุนในกองทุน LTF-RMF ตั้งแต่ 300,000 บาทขึ้นไปลุ้นรับรางวัลใหญ่เป็นเครื่องเล่น DVD Panasonic มูลค่า 2,570 บาท จำนวน 1 รางวัล และผู้ลงทุนในกองทุน LTF-RMF ตั้งแต่ 100,000 แต่ไม่ถึง 300,000 บาท ลุ้นรับรางวัล เตารีดไฟฟ้า Phillip แบบพกพา มูลค่า 890 บาท จำนวน 1 รางวัล และ Flash Drive Kingston ความจุ 1 มูลค่า 300 บาท GB จำนวน 5 รางวัล โดยจะทำการจับฉลากรายชื่อผู้โชคดีในวันที่ 21 กันยายน 2551 เวลา 19.00 น. และจะแจ้งรายชื่อผู้ที่ได้รับรางวัลทราบตามชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบุไว้
พิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ. เอ็มเอฟซี บอกว่า เอ็มเอฟซี จะนำทีมที่ปรึกษาการลงทุนเข้าร่วมงาน Mutual Fund Fair เพื่อให้คำแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับผู้สนใจ โดยเฉพาะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบจากปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ และเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลกระทบทั่วโลก เอ็มเอฟซีจึงเลือกกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายประเภท เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการและความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของผู้สนใจลงทุนมาแนะนำในงานดังกล่าว ได้แก่ กองทุนเพื่อการประหยัดภาษี (LTF-RMF) กองทุนตราสารหนี้ได้แก่ กองทุนเปิด MMM และกองทุนเปิด MGI+ และกองทุนกลุ่ม Smart Wealth Solution Family ที่ออกแบบให้เหมาะสมกับกลุ่มนักลงทุนแต่ละประเภท โดยบริษัทจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายพิเศษ และนำทีมที่ปรึกษาทางการลงทุน (Investment Planner) มาพบกับนักลงทุนในงาน Mutual Fund Fair ณ โถงชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในวันที่ 18-21 กันยายน 2551นี้
สำหรับกิจกรรมเด็ดๆ สำหรับส่งเสริมการขายเฉพาะงานนี้...ผู้ที่ซื้อหน่วยลงทุนทุกกองทุนของเอ็มเอฟซีจะได้รับถุงผ้าลดโลกร้อน สำหรับผู้ซื้อหน่วยลงทุนกองทุนเปิด LTF หรือ RMF จะได้รับสลากออมสินซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์พิเศษสำหรับลูกค้ากองทุนดังกล่าวของเอ็มเอฟซี โดยการลงทุนทุกๆ 10,000 บาทจะได้รับสลากออมสินหน่วยละ 50 บาท ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลจากสลากออมสิน 10 ล้านบาท 2 รางวัล รวมมูลค่า 20 ล้านบาททุกเดือนต่อไปอีก 35 งวด โดยสามารถสะสมยอดลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551-30 ธันวาคม 2551
นอกจากนี้ เมื่อลงทุนในกองทุนเปิด LTF และ RMF ภายในงาน จะได้รับสมนาคุณเพิ่มเติม โดยลงทุนตั้งแต่ 50,000 บาท จะได้รับเครื่องหั่นผัก มูลค่า 400 บาท ลงทุนตั้งแต่ 150,000 บาท จะได้รับเครื่องทำกาแฟ มูลค่า 800 บาท ลงทุนตั้งแต่ 300,000 บาท จะได้รับ Shopping Trolley มูลค่า 1,250 บาท ลงทุนตั้งแต่ 400,000 บาท จะได้รับเครื่องหั่นผักและ Shopping Trolley รวมมูลค่า 1,650 บาท และลงทุนตั้งแต่ 500,000 บาท จะได้รับเครื่องทำกาแฟและ Shopping Trolley รวมมูลค่า 2,050 บาท
พิเศษสำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนเปิด MMM ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น หรือกองทุนเปิด MGI+ ซึ่งเป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศจะเปิดขายครั้งแรกในงานดังกล่าว โดยลงทุนตั้งแต่ 1,000,000 บาทขึ้นไป จะได้รับ Shopping Trolley และผู้ที่ลงทุนในกองทุนกลุ่ม Smart Wealth Solution Family จะได้รับประกันอุบัติเหตุ 1 ปีจากบริษัท อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จำกัด (เอไอเอ) โดยแบ่งเป็นแพ็กเกจ Platinum, Gold และ Silver ตามมูลค่าเงินลงทุนและวงเงินคุ้มครอง
เอื้อพันธ์ เพ็ชราภรณ์ ผู้บริหารฝ่ายบริหารผู้ลงทุนและทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผย การออกบูธในงาน"ตลาดนัดกองทุนรวม : Mutual Fund Fair" ที่ Central World บริษัทได้เตรียมกองทุนจำนวนมากไว้เป็นทางเลือกแก่นักลงทุน
นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ลงทุนเพิ่มเติมในกองทุน KSDLTF ทางบริษัทได้เตรียมโปรโมชั่นพิเศษเอาไว้ให้ได้แก่ ผู้ที่ลงทุนตั้งแต่ 50,000 - 99,999 บาท จะได้รับ จานรองแก้ว OSRAM Luxpod 1 ชิ้น ตั้งแต่ 100,000 - 199,999 บาท จะได้รับ จานรองแก้ว OSRAM Luxpod 2 ชิ้น
ส่วนผู้ที่ลงทุนตั้งแต่ 200,000 - 299,999 บาท ก็จะได้รับจานรองแก้ว OSRAM Luxpod 3 ชิ้น ตั้งแต่ 300,000 - 399,999 บาทจะได้รับ จานรองแก้ว OSRAM Luxpod 4 ชิ้น และตั้งแต่ 400,000 - 500,000 บาท จะได้รับจานรองแก้ว OSRAM Luxpod 6 ชิ้น
“โปรโมชันที่ให้ลูกค้าของเราราคาจะไม่สูงมาก แต่คิดว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสม เพราะทางก.ล.ต.มีเกินกำหนดเอาไว้ว่าจะต้องไม่เกิน 2%ของมูลค่าหน่วย ซึ่งเราจะไม่แข่งกลับใครแต่ดูให้เหมาะสมมากกว่า” เอื้อพันธ์กล่าว