คำถาม - วันก่อนผมได้อ่านเเละรู้จักกับกองทุน ETF มากขึ้นครับ เเต่ผมอยากทราบว่ากองทุน ETFมีความเสี่ยงมากอะไรบ้างครับ ขอบคุณครับ ภูมิ
ตอบ - เนื่องจาก ETF มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงอนุรักษ์ โดยมุ่งลงทุนเลียนเเบบหรือล้อกับดัชนีที่ถูกนำมาใช้อ้างอิง ดังนั้นผลตอบเเทนหรือผลประโยชน์ที่กองทุนที่กองทุนได้รับกลับคืนมาจึงควรเท่ากับ หรือใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงนั้นมากที่สุด หลังจากนั้น จึงนำมาเฉลี่ยนกลับคืนต่อให้เเก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปของผลตอบเเทนจากการเพิ่มของ NAV 9 ต่อหน่วยลงทุน
นอกจากนี้กองทุน ETF ยังได้ เงินปันผล (Dividend) สำหรับกรณีที่กองทุน ETF นั้นมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ที่สำคัญก็คือ ETF มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกองทุนต่ำกว่ากองทุนรวมโดยทั่วไป ซึ่งหมายความว่า ผลตอบเเทนที่จะกลับคืนมาสู่ผู้ถือหน่วยลงทุนก็จะยิ่งมากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามการลงทุนใน ETF ก็ยังมีความเสี่ยงเหมือนกับการลงทุนในหลักรทรัพย์ประเภทอื่นๆโดยความเสี่ยงของ ETF ซึ่งเราควรรู้จักมีดังนี้
เรามาดูควมเสี่ยงกันบ้าง ความเสี่ยงด้านราคาหรือความเสี่ยงตลาด หมายถึงความเสี่ยงจากการปรับตัวขึ้นลงของราคาหรือผลตอบเเทนของหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีอ้างอิงที่กองทุนได้ลงทุนไป ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจ สังคม เเละการเมืองมีการเปลี่ยนเเปลงไป ถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ เเต่ละตัวที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิง ถือเป็นความเสี่ยงเฉพาะที่เกิดขึ้นกับบริษัมหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาหลักทรัพย์ที่กองทุนได้เลือกกองทุนไว้ อย่างไรเนื่องจาก ETF มีการกระจายการลงทุนเป็นอย่างดี เเละมีมือาชีพคอยติดตามผลกระทบต่างๆที่มีต่อราคาหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ความเสี่ยงประเภทน้จึงค่อนข้างต่ำ
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในการซื้อขาย เนื่องจาก ETF มีผู้ดูเเลสภาพคล่องทำหน้าที่เข้ามาดูเเลสภาพคล่องในการซื้อขายหน่วยลงทุน จึงบทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาความเสี่ยงประเภทนี้จึงต่ำมาก
เราได้รู้เรื่องความเสี่ยงเเละผลตอบเเทนในการลงทุน ETF ไปแล้วนะครับ ที่นี้เรามาดูว่า เราจะใช้รูปเเบบในการลงทุนกับ ETF อย่างไรกันบ้างครับ
1. ใช้ ETF เป็นส่วนเเกน (Core) ของพอร์ตการลงทุน เเล้วลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆเป็นตัวเสริมเพื่อให้ได้รับผลตอบเเทนที่ค่อนข้างเเน่นอนสม่ำเสมอ ซึ่งการจัดสรรเงินลงทุนในรูปเเบบนี้มีชื่อเรียกกันในภาษาเทคนิคว่า Core Investment
2.ใช้ ETF เป็นตัวเสริมพอร์ตการลงทุนควบคู่ไปกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เพื่อสร้างผลตอบเเทนที่ดีกว่าดัชนีอ้างอิงให้ตนเอง ซึ่งการจัดสรรเงินลงทุนในรูปแบบนี้มีชื่อเรียกกันในภาษาเทคนิคว่า Satellite Investment
3.ใช้ ETFเป็นเครื่องมือในการบริหารเงินสด หรือเป็นที่พักเงินลงทุนในระหว่างการหาซื้อหลักทรัพย์ที่ต้องการยกตัวอย่างเช่น ในการณีที่ได้รับเม็ดเงินใหม่เข้ามา เเต่ยังไม่สามารถตัดสินใจว่าจะซื้อหลักทรัพย์ใดดีก็อาจเลือกลงทุนในหน่วยลงทุน ETF ไปก่อนเเล้วค่อยหาซื่อหลักทรัพย์ที่ตนเองต้องการในภายหลังได้ ซึ่งการบริหารเงินลงทุนรูปเเบบหลังนี้มีชื่อเรียกกันภายในรูปแบบหลังนี้มีชื่อเรียกกันในภาษาเทคนิคว่า Cash Equitization หรือ 4.ใช้ ETF ควบคู่ไปกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedge)หรือการทำกำไรข้ามตลาด (Arbitraage)ก็ได้
ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ
ตอบ - เนื่องจาก ETF มีกลยุทธ์การลงทุนเชิงอนุรักษ์ โดยมุ่งลงทุนเลียนเเบบหรือล้อกับดัชนีที่ถูกนำมาใช้อ้างอิง ดังนั้นผลตอบเเทนหรือผลประโยชน์ที่กองทุนที่กองทุนได้รับกลับคืนมาจึงควรเท่ากับ หรือใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิงนั้นมากที่สุด หลังจากนั้น จึงนำมาเฉลี่ยนกลับคืนต่อให้เเก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในรูปของผลตอบเเทนจากการเพิ่มของ NAV 9 ต่อหน่วยลงทุน
นอกจากนี้กองทุน ETF ยังได้ เงินปันผล (Dividend) สำหรับกรณีที่กองทุน ETF นั้นมีนโยบายการจ่ายเงินปันผล ที่สำคัญก็คือ ETF มีค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการกองทุนต่ำกว่ากองทุนรวมโดยทั่วไป ซึ่งหมายความว่า ผลตอบเเทนที่จะกลับคืนมาสู่ผู้ถือหน่วยลงทุนก็จะยิ่งมากขึ้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามการลงทุนใน ETF ก็ยังมีความเสี่ยงเหมือนกับการลงทุนในหลักรทรัพย์ประเภทอื่นๆโดยความเสี่ยงของ ETF ซึ่งเราควรรู้จักมีดังนี้
เรามาดูควมเสี่ยงกันบ้าง ความเสี่ยงด้านราคาหรือความเสี่ยงตลาด หมายถึงความเสี่ยงจากการปรับตัวขึ้นลงของราคาหรือผลตอบเเทนของหลักทรัพย์ที่เป็นองค์ประกอบของดัชนีอ้างอิงที่กองทุนได้ลงทุนไป ซึ่งเกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจ สังคม เเละการเมืองมีการเปลี่ยนเเปลงไป ถือเป็นความเสี่ยงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์ เเต่ละตัวที่เป็นองค์ประกอบดัชนีอ้างอิง ถือเป็นความเสี่ยงเฉพาะที่เกิดขึ้นกับบริษัมหนึ่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อราคาหลักทรัพย์ที่กองทุนได้เลือกกองทุนไว้ อย่างไรเนื่องจาก ETF มีการกระจายการลงทุนเป็นอย่างดี เเละมีมือาชีพคอยติดตามผลกระทบต่างๆที่มีต่อราคาหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ความเสี่ยงประเภทน้จึงค่อนข้างต่ำ
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในการซื้อขาย เนื่องจาก ETF มีผู้ดูเเลสภาพคล่องทำหน้าที่เข้ามาดูเเลสภาพคล่องในการซื้อขายหน่วยลงทุน จึงบทำให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาความเสี่ยงประเภทนี้จึงต่ำมาก
เราได้รู้เรื่องความเสี่ยงเเละผลตอบเเทนในการลงทุน ETF ไปแล้วนะครับ ที่นี้เรามาดูว่า เราจะใช้รูปเเบบในการลงทุนกับ ETF อย่างไรกันบ้างครับ
1. ใช้ ETF เป็นส่วนเเกน (Core) ของพอร์ตการลงทุน เเล้วลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆเป็นตัวเสริมเพื่อให้ได้รับผลตอบเเทนที่ค่อนข้างเเน่นอนสม่ำเสมอ ซึ่งการจัดสรรเงินลงทุนในรูปเเบบนี้มีชื่อเรียกกันในภาษาเทคนิคว่า Core Investment
2.ใช้ ETF เป็นตัวเสริมพอร์ตการลงทุนควบคู่ไปกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เพื่อสร้างผลตอบเเทนที่ดีกว่าดัชนีอ้างอิงให้ตนเอง ซึ่งการจัดสรรเงินลงทุนในรูปแบบนี้มีชื่อเรียกกันในภาษาเทคนิคว่า Satellite Investment
3.ใช้ ETFเป็นเครื่องมือในการบริหารเงินสด หรือเป็นที่พักเงินลงทุนในระหว่างการหาซื้อหลักทรัพย์ที่ต้องการยกตัวอย่างเช่น ในการณีที่ได้รับเม็ดเงินใหม่เข้ามา เเต่ยังไม่สามารถตัดสินใจว่าจะซื้อหลักทรัพย์ใดดีก็อาจเลือกลงทุนในหน่วยลงทุน ETF ไปก่อนเเล้วค่อยหาซื่อหลักทรัพย์ที่ตนเองต้องการในภายหลังได้ ซึ่งการบริหารเงินลงทุนรูปเเบบหลังนี้มีชื่อเรียกกันภายในรูปแบบหลังนี้มีชื่อเรียกกันในภาษาเทคนิคว่า Cash Equitization หรือ 4.ใช้ ETF ควบคู่ไปกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedge)หรือการทำกำไรข้ามตลาด (Arbitraage)ก็ได้
ท่านผู้อ่านท่านใดที่มีข้อสงสัยเรื่องกองทุนรวม สามารถส่งคำถามมาได้ที่ fund@manager.co.th หรือโพสต์ข้อความไว้ที่หน้า กองทุนรวม www.manager.co.th ทางเรายินดีที่จะตอบคำถามให้ครับ
