ไฟแนนเชียลไทมส์ - แฉหน่วยงานลับที่ทำหน้าที่ดูแลทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน ใช้เม็ดเงินง้างใจคอสตาริกาให้ตัดขาดจากไต้หวัน และหันมาสถาปนาความสัมพันธ์กับปักกิ่งเมื่อปีที่แล้ว
เอกสารที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ได้รับมาระบุว่า การที่สำนักงานปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีน (เซฟ) ซื้อพันธบัตรรัฐบาลคอสตาริกาที่อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ เป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนที่สุดว่าปักกิ่งใช้ทุนสำรองที่มีอยู่มากที่สุดในโลกถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นเครื่องมือนำไปสู่เป้าหมายทางการเมือง ตลอดจนถึงเป็นแหล่งสร้างรายได้สำคัญ
"นี่เป็นหลักฐานแรกที่พิสูจน์ว่าจีนใช้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง และก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการลงทุนอื่นๆ ของเซฟ นอกจากนี้ ยังสร้างความกังวลให้นักการเมืองและนักธุรกิจในประเด็นการเข้าถือหุ้นของเซฟในบริษัทสำคัญๆ" เคอร์รี บราวน์ จากโครงการเอเชียของแชตแทม เฮาส์ในลอนดอนระบุ
การโน้มน้าวประเทศมากมายที่ยังยอมรับว่าไทเปเป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายของจีนให้แปรพักตร์ เป็นเป้าหมายสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศของปักกิ่ง ที่ประกาศว่าไต้หวันเป็นเพียงมณฑลกบฎเท่านั้น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งจีนและไต้หวันต่างใช้ความช่วยเหลือทางการเงิน โครงการสาธารณูปโภค และมาตรการจูงใจอื่นๆ ซื้อใจประเทศเล็กๆ อย่างเช่นคอสตาริกา
แต่ชื่อของเซฟในระดับระหว่างประเทศถือว่ายังค่อนข้างใหม่ ปีที่แล้ว เซฟใช้กิจการในเครือในฮ่องกงซื้อหุ้นเล็กๆ ในบริษัทจดทะเบียน อาทิ บีพีของอังกฤษ, โทแทลจากฝรั่งเศส และธนาคารออสเตรเลียอย่างน้อยสามแห่ง
นอกจากนั้น เซฟยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการลงทุนต่อสาธารณชน และที่ผ่านมาไม่เคยยอมรับว่ามีกิจการในเครือนอกประเทศ รวมถึงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นมาตลอด
เดือนมกราคมปีนี้ เซฟซื้อพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์ของรัฐบาลคอสตาริกามูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ลงนามเมื่อปีที่ผ่านมาที่ระบุว่า ประเทศจากอเมริกากลางแห่งนี้ต้องตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน (หลังจากคบหากันมา 63 ปี) และสถาปนาความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีนแทน
ข้อตกลงดังกล่าวที่ลงนามกันเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2007 โดยหยางเจียฉี รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กับ บรูโน สแต็กโน อูการ์ตี รัฐมนตรีต่างประเทศคอสตาริกา เป็นตัวเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างการเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศกับการที่จีนซื้อพันธบัตรคลัง 300 ล้านดอลลาร์ และให้เงินช่วยเหลืออีก 130 ล้านดอลลาร์
ในสาส์นที่โต้ตอบกันเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ระหว่างฟางชางปู้ รองผู้อำนวยการเซฟ และรัฐมนตรีคลังคอสตาริกา เซฟให้สัญญาว่าจะซื้อพันธบัตรคลังคอสตาริกาภายใต้เงื่อนไขตามข้อตกลงปี 2007 รวมถึงเงื่อนไขที่เรียกร้องให้คอสตาริกา "ดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงินของปฏิบัติการนี้และของเซฟในฐานะผู้ซื้อพันธบัตร"
แหล่งข่าววงในเผยว่า นักการทูตคอสตาริกาไม่เห็นด้วยกับการเก็บงำรายละเอียดดังกล่าว แต่พญามังกรยืนกรานกระต่ายขาเดียวให้ดำเนินการตามนั้น
เอกสารที่หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ได้รับมาระบุว่า การที่สำนักงานปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีน (เซฟ) ซื้อพันธบัตรรัฐบาลคอสตาริกาที่อยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ เป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนที่สุดว่าปักกิ่งใช้ทุนสำรองที่มีอยู่มากที่สุดในโลกถึง 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นเครื่องมือนำไปสู่เป้าหมายทางการเมือง ตลอดจนถึงเป็นแหล่งสร้างรายได้สำคัญ
"นี่เป็นหลักฐานแรกที่พิสูจน์ว่าจีนใช้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง และก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับการลงทุนอื่นๆ ของเซฟ นอกจากนี้ ยังสร้างความกังวลให้นักการเมืองและนักธุรกิจในประเด็นการเข้าถือหุ้นของเซฟในบริษัทสำคัญๆ" เคอร์รี บราวน์ จากโครงการเอเชียของแชตแทม เฮาส์ในลอนดอนระบุ
การโน้มน้าวประเทศมากมายที่ยังยอมรับว่าไทเปเป็นตัวแทนที่ถูกต้องตามกฎหมายของจีนให้แปรพักตร์ เป็นเป้าหมายสำคัญด้านนโยบายต่างประเทศของปักกิ่ง ที่ประกาศว่าไต้หวันเป็นเพียงมณฑลกบฎเท่านั้น
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งจีนและไต้หวันต่างใช้ความช่วยเหลือทางการเงิน โครงการสาธารณูปโภค และมาตรการจูงใจอื่นๆ ซื้อใจประเทศเล็กๆ อย่างเช่นคอสตาริกา
แต่ชื่อของเซฟในระดับระหว่างประเทศถือว่ายังค่อนข้างใหม่ ปีที่แล้ว เซฟใช้กิจการในเครือในฮ่องกงซื้อหุ้นเล็กๆ ในบริษัทจดทะเบียน อาทิ บีพีของอังกฤษ, โทแทลจากฝรั่งเศส และธนาคารออสเตรเลียอย่างน้อยสามแห่ง
นอกจากนั้น เซฟยังไม่เปิดเผยรายละเอียดการลงทุนต่อสาธารณชน และที่ผ่านมาไม่เคยยอมรับว่ามีกิจการในเครือนอกประเทศ รวมถึงปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นมาตลอด
เดือนมกราคมปีนี้ เซฟซื้อพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์ของรัฐบาลคอสตาริกามูลค่า 150 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ลงนามเมื่อปีที่ผ่านมาที่ระบุว่า ประเทศจากอเมริกากลางแห่งนี้ต้องตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน (หลังจากคบหากันมา 63 ปี) และสถาปนาความสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีนแทน
ข้อตกลงดังกล่าวที่ลงนามกันเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2007 โดยหยางเจียฉี รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กับ บรูโน สแต็กโน อูการ์ตี รัฐมนตรีต่างประเทศคอสตาริกา เป็นตัวเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างการเปลี่ยนนโยบายต่างประเทศกับการที่จีนซื้อพันธบัตรคลัง 300 ล้านดอลลาร์ และให้เงินช่วยเหลืออีก 130 ล้านดอลลาร์
ในสาส์นที่โต้ตอบกันเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ระหว่างฟางชางปู้ รองผู้อำนวยการเซฟ และรัฐมนตรีคลังคอสตาริกา เซฟให้สัญญาว่าจะซื้อพันธบัตรคลังคอสตาริกาภายใต้เงื่อนไขตามข้อตกลงปี 2007 รวมถึงเงื่อนไขที่เรียกร้องให้คอสตาริกา "ดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเปิดเผยเงื่อนไขทางการเงินของปฏิบัติการนี้และของเซฟในฐานะผู้ซื้อพันธบัตร"
แหล่งข่าววงในเผยว่า นักการทูตคอสตาริกาไม่เห็นด้วยกับการเก็บงำรายละเอียดดังกล่าว แต่พญามังกรยืนกรานกระต่ายขาเดียวให้ดำเนินการตามนั้น