สำนักงาน ก.ล.ต. ขยายเวลาเปิดรับฟังความคิดเห็นหลักเกณฑ์การจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมสาธารณูปโภค ออกไปจากเดิมอีก 30 วัน ย้ำหารือทุกฝ่าย เพื่อประโยชน์ต่อทั้งผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมสาธารณูปโภคและเปิดรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา นั้นสำนักงาน ก.ล.ต. ขอแจ้งขยายระยะเวลาในการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อไปจากเดิมอีก 30 วัน จากวันที่ 15 กันยายนที่กำหนดไว้เดิม
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีผู้ให้ความสนใจกับแนวคิดการที่จะให้มีกองทุนรวมสาธารณูปโภคอย่างกว้างขวาง ดังนั้น เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีระยะเวลาในการศึกษาและสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างทั่วถึง สำนักงาน ก.ล.ต. จึงขยายระยะเวลารับฟังความคิดเห็นออกไปจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2551 และในขณะเดียวกันสำนักงาน ก.ล.ต. จะจัดประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้ให้มีความเหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม
ทั้งนี้ ต้องขอเรียนว่า ร่างหลักการที่เปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของกระบวนการ กองทุนรวมประเภทนี้เป็นกองทุนรวมใหม่ของประเทศไทย ซึ่งจะต้องมีวิวัฒนาการต่อไปอีก สำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจแก่ทุกฝ่าย
สำหรับแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนรวมสาธารณูปโภค (infrastructure fund) ในเบื้องต้น สำนักงานก.ล.ต. กำหนดรูปแบบกองทุนเอาไว้ว่า กองทุนรวมต้องลงทุนโดยตรงในทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภค หรือลงทุนผ่านการถือหุ้นในนิติบุคคลที่ลงทุนในทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภค ในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่าที่กำหนด ซึ่งทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภคที่กองทุนรวมสามารถลงทุนได้ ได้แก่ (1) กรรมสิทธิ์ (2) สิทธิครอบครอง (3) สิทธิสัมปทาน (4) สิทธิการเช่า และ (5) สิทธิในการรับผลประโยชน์ในอนาคตหรือสิทธิเรียกร้องในอนาคต ในที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรอุปกรณ์ หรือสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์ในโครงการสาธารณูปโภค โดยโครงการสาธารณูปโภค หมายถึงกิจการหรือการดำเนินการ ไฟฟ้า ประปา รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ถนน โทรศัพท์ โทรคมนาคม หรือสนามบิน เป็นต้น
นอกจากนี้ สำนักงานก.ล.ต. ยังเปิดทางให้กองทุนรวมสามารถกู้ยืมหรือก่อภาระผูกพันได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ส่วนการจัดสรรหน่วยลงทุนนั้น ต้องไม่กระจุกตัวในบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือผู้ลงทุนต่างชาติ เกินกว่าสัดส่วนที่กำหนด
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดตั้งและจัดการกองทุนรวมสาธารณูปโภคและเปิดรับฟังความคิดเห็นตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา นั้นสำนักงาน ก.ล.ต. ขอแจ้งขยายระยะเวลาในการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อไปจากเดิมอีก 30 วัน จากวันที่ 15 กันยายนที่กำหนดไว้เดิม
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีผู้ให้ความสนใจกับแนวคิดการที่จะให้มีกองทุนรวมสาธารณูปโภคอย่างกว้างขวาง ดังนั้น เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีระยะเวลาในการศึกษาและสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างทั่วถึง สำนักงาน ก.ล.ต. จึงขยายระยะเวลารับฟังความคิดเห็นออกไปจนถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2551 และในขณะเดียวกันสำนักงาน ก.ล.ต. จะจัดประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำหนดหลักเกณฑ์ในเรื่องนี้ให้มีความเหมาะสม เป็นประโยชน์ต่อทั้งผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม
ทั้งนี้ ต้องขอเรียนว่า ร่างหลักการที่เปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้เป็นเพียงการเริ่มต้นของกระบวนการ กองทุนรวมประเภทนี้เป็นกองทุนรวมใหม่ของประเทศไทย ซึ่งจะต้องมีวิวัฒนาการต่อไปอีก สำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นและทำความเข้าใจแก่ทุกฝ่าย
สำหรับแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนรวมสาธารณูปโภค (infrastructure fund) ในเบื้องต้น สำนักงานก.ล.ต. กำหนดรูปแบบกองทุนเอาไว้ว่า กองทุนรวมต้องลงทุนโดยตรงในทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภค หรือลงทุนผ่านการถือหุ้นในนิติบุคคลที่ลงทุนในทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภค ในสัดส่วนที่ไม่ต่ำกว่าที่กำหนด ซึ่งทรัพย์สินของโครงการสาธารณูปโภคที่กองทุนรวมสามารถลงทุนได้ ได้แก่ (1) กรรมสิทธิ์ (2) สิทธิครอบครอง (3) สิทธิสัมปทาน (4) สิทธิการเช่า และ (5) สิทธิในการรับผลประโยชน์ในอนาคตหรือสิทธิเรียกร้องในอนาคต ในที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรอุปกรณ์ หรือสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่ใช้ประโยชน์ในโครงการสาธารณูปโภค โดยโครงการสาธารณูปโภค หมายถึงกิจการหรือการดำเนินการ ไฟฟ้า ประปา รถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ถนน โทรศัพท์ โทรคมนาคม หรือสนามบิน เป็นต้น
นอกจากนี้ สำนักงานก.ล.ต. ยังเปิดทางให้กองทุนรวมสามารถกู้ยืมหรือก่อภาระผูกพันได้ไม่เกินร้อยละ 10 ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ ส่วนการจัดสรรหน่วยลงทุนนั้น ต้องไม่กระจุกตัวในบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือผู้ลงทุนต่างชาติ เกินกว่าสัดส่วนที่กำหนด
