เมื่อมองย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจะสังเกตุได้ว่าการลงทุนในดัชนีตลาดหลักทรัพย์ มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากความผันผวนไม่ว่าจะเป็นตลาดภายใน หรือ ภายนอกประเทศ โดยคำถามของนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมักมีอยู่ 2 ประเด็น คือ จะลงทุนอะไร เมื่อไร?
สถานการณ์แบบนี้เอง ที่หลายบลจ.ต่างพยายามสรรหาช่องทางการลงทุนที่หนีความเสี่ยง พร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีไปในตัว โดยอาจมีการคุ้มครองเงินต้น พร้อมทั้งหาผลตอบแทนเพิ่มเติมด้วยการใช้กลยุทธ์ใหม่ๆ ซึ่งกองทุนที่นำแนวทางดังกล่าวมาใช้ในขณะนี้คือ กองทุนเปิด ยูโอบี ซีเล็ค สเปคตรัม 1 ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดย บลจ.ยูโอบี นั้นเอง
โดยกองทุนนี้ จะเน้นลงทุนใน ตราสารหนี้แบบไม่จ่ายดอกเบี้ยอายุ 3 ปี ซึ่งออกโดยรัฐวิสาหกิจของประเทศนอร์เวย์ หรือ ธนาคาร KfW ของประเทศเยอรมันนี ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ AAA นอกจากนี้ยังจะนำเงินบางส่วนไปลงทุนใน สัญญาออปชั่นที่มีการจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับดัชนี Spectrum ที่ออกโดยธนาคาร BNP Paribas ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในระดับ AA+
สำหรับกลยุทธ์ดังกล่าวของ ดัชนี Spectrum จะลงทุนในหุ้น 4 สไตล์ ของตลาดหุ้น สหรัฐอเมริการ และยุโรป อันได้แก่ หุ้นที่เน้นมูลค่าในทางปัจจัยพื้นฐาน หุ้นที่มีอัตราเติบโตสูง หุ้นที่มีการจ่ายปันผล และหุ้นที่เป็นตัวแทนตลาด โดยจะมีการคำนวณ และจัดลำดับแนวโน้มผลตอบแทนของแต่ละสไตล์ว่าจะเป็นอย่างไรในทุกๆ วัน และจะใช้กลยุทธ์ซื้อขายล่วงหน้า เพื่อสร้างผลตอบแทน และป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของตลาด
ทั้งนี้ กองทุนเปิดยูโอบี ซีเล็ค สเปคตรัม 1 มีแบบจำลองผลตอบแทนย้อนหลังในกรณีที่สมมุติฐานของอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง หรือ 100%ที่คาดว่านักลงทุนจะได้รับ โดยมีแบบผลตอบแทนย้อนหลังต่อปีในรูปสกุลเงินบาทของกองทุน เมื่อนำมาพิจารณาผลตอบแทนสูงสุดในระยะเวลา 3 ปี อยู่ที่ 51.34% ขณะที่ในระยะเวลา 1ปี อยู่ที่ 14.81% มีผลตอบแทนต่ำสุด 3 ปี อยู่ที่ 19.71% ขณะที่ระยะเวลา 1 ปีอยู่ที่6.18% และมีผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่ 34.80%ขณะที่ 1 ปี อยู่ที่ 10.43%
ขณะเดียวกัน กองทุนได้มีแบบจำลองผลตอบแทนย้อนหลังในกรณีที่สมมุติฐานของอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำกว่าคาดการณ์ หรือ PR80% ดังนี้ โดยมีแบบผลตอบแทนย้อนหลังต่อปีในรูปสกุลเงินบาทของกองทุน เมื่อนำมาพิจารณาผลตอบแทนสูงสุดในระยะเวลา 3 ปี อยู่ที่ 41.08% ขณะที่ในระยะเวลา 1ปี อยู่ที่ 12.15% มีผลตอบแทนต่ำสุด 3 ปี อยู่ที่15.77% ขณะที่ระยะเวลา 1 ปีอยู่ที่ 5.00% และมีผลตอบแทนเฉลี่ย 3 ปีอยู่ที่27.84%ขณะที่ 1 ปี อยู่ที่8.53%
นายวนา พูลผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ยูโอบี จำกัด เล่าว่า การลงทุนในกองทุนนี้จะมีความมั่นคงสูงในเรื่องของการคืนเงินต้นในรูปของสกุลเงินบาท 100% ซึ่งมาจากการลงทุนในตราสารหนี้ ด้วยอัตราซื้อลดตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดไว้ก่อนการลงทุน และจะมีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อให้เงินต้นของนักลงทุนกลับคืนมาครบตามจำนวนที่ลงทุน ทั้งนี้ ในส่วนของผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับนั้น มาจากเงินลงทุนในส่วนที่นำไปลงทุนในสัญญาออปชั่น ที่อ้างอิงกับดัชนี Spectrum ในกรณีที่ดัชนีในมีปารปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าวันที่นำเงินไปลงทุน
“เราจะกันเงินออกเป็น 2 ส่วน คือลงทุนในตราสารหนี้แบบซื้อลดที่ไม่ได้ดอกเบี้ย แต่จะคิดในราคาที่ถูกกว่าเดิม แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาจะได้เงินคืนเต็ม 100% จากที่ซื้อลดไปเพียง 90 หรือ 80 ตามแต่อัตราดอกเบี้ย และส่วนที่เหลือจะนำไปลงทุนในดัชนี Spectrum และจะได้ผลตอบแทนจากส่วนนี้ โดยที่เงินต้นยังอยู่”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผลตอบแทนที่ได้รับจะไม่มีการป้องกันความเสี่ยงทางด้านค่าเงิน ซึ่งจะต้องลงทุนเป็นเงินสกุลยูโร ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนที่ได้สูงขึ้นหรือต่ำลงได้ จากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
นายวนา บอกอีกว่า นอกจากอัตราดอกเบี้ยที่มีผลต่อสัดส่วนการลงทุน และผลตอบแทนแล้ว การปรับตัวของดัชนี Spectrum จัดว่าเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า ผลตอบแทนที่ได้รับจะสูงหรือว่าไม่ได้เลยก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ในกรณีที่ดัชนี ณ วันครบอายุโครงการปรับตัวลดลงกว่าวันที่กองทุนเข้าลงทุน อย่างไรก็ตาม ดัชนีดังกล่าวถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง เนื่องจากมีการใช้กลยุทธ์ซื้อขายล่วงหน้า(Long-Short) เพื่อเป็นเครื่องมือในการลงทุน ถึงแม้ว่าตลาดจะมีการปรับตัวลดลง หรือเพิ่มขึ้น ก็ยังสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ในช่วงที่ผ่านมา
“กลยุทธ์นี้เฮดจ์ฟันด์จะใช้กันมาก ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนในทุกภาวะตลาด โดยเมื่อคาดว่าหุ้นตัวนี้จะให้ผลตอบแทนลดลง เขาก็จะยืมหลักทรัพย์มาขายในราคาปัจจุบัน แล้วซื้อคืนในอนาคต(Short) แต่ถ้ามันจะขึ้นเขาจะซื้อหลักทรัพย์ในปัจจุบันแล้วขายล่วงหน้าแทน(Long)” นายวนากล่าว
สำหรับกองทุนเปิด ยูโอบี ซีเล็ค สเปคตรัม 1 เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักลงทุน โดยกองทุนนี้มีมูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และมีระยะเวลาในการลงทุน 3 ปี ซึ่งจะเสนอขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 13-20 สิงหาคมนี้