xs
xsm
sm
md
lg

SCBQแนะใช้อนุพันธ์ลดความเสี่ยงหุ้น เพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตลงทุน-สร้างผลตอบแทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.เอสซีบี ควอนท์ แนะนักลงทุนเริ่มสร้างพอร์ต ทยอยเก็บหุ้น และสร้างความสมดุลย์ระหว่างหุ้น ตราสารหนี้ เงินสด โดยใช้อนุพันธ์ช่วยลดความเสี่ยงการลงทุน เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน มองปัจจัยจากต่างประเทศกระทบต่อหุ้นไทยโดยตรง ส่วนการเมืองกระทบแค่การซื้อขายระหว่างวันเท่านั้น ด้าน บลจ.วรรณแนะทยอยสะสมหุ้นเช่นกัน หลังจากตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก
นายปริทรรศน์ เหลืองอุทัย
นายปริทรรศน์ เหลืองอุทัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เอสซีบี ควอนท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในภาวะตลาดหุ้นผันผวนดังเช่นขณะนี้ นักลงทุนควรจะหาทางเลือกในการลงทุนตลาดอนุพันธ์เพิ่มเติม โดยควรจะลงทุนใน SET 50 Index Options ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนใน SET 50 Index Futures ซึ่งควรหลีกเลี่ยงเข้าไปลงทุน เนื่องจากมีความเสี่ยงจากกลไก และความเร็วของกำไรขาดทุนอยู่สูง และในภาวะที่คาดการณ์ยากเช่นนี้ อาจจะมีการโดนบังคับขายออกมาได้ (ฟอร์ซเซลล์) แต่หากเป็นนักลงทุนสถาบันน่าจะมีโอกาสลงทุนใน Futures เนื่องจากมีความรู้ความสามารถในการบริหารจัดการพอร์ตลงทุน

ทั้งนี้ การลงทุนในตลาดอนุพันธ์ช่วงนี้มีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ การลงทุน กับการซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงในช่วงภาวะตลาดหุ้นผันผวน โดยในส่วนของบริษัทยังเลือกลงทุนใน SET 50 Index Options เป็นหลัก ส่วนการลงทุนใน SET 50 Index Futures ยังมีปริมาณที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศ ซึ่งในประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีการลงทุนซื้อขายนอกตลาด หรือ Over the Counter (OTC) มีปริมาณการใช้ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และส่วนใหญ่ธนาคารพาณิชย์จะนิยมใช้อนุพันธ์ในการทำธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยประมาณ 95% ขณะที่การใช้อนุพันธ์ในหุ้นได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 3

ปัจจุบัน การใช้อนุพันธ์ในสหรัฐอเมริกานับว่าได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีปริมาณการซื้อขายอนุพันธ์ประมาณ 24 เท่าของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของประเทศ ส่วนในประเทศไทยมีการใช้อนุพันธ์ในตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) หรือ TFEX วันละประมาณ 6,000 สัญญา หรือประมาณ 3,000 ล้านบาท

นายปริทรรศน์ กล่าวว่า ในช่วง 1-2 เดือนนี้ นักลงทุนจะเริ่มระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น และหันมาถือเงินสดตามธรรมชาติแทน แต่ภาวะตลาดหุ้นในช่วงนี้ นับว่าเป็นช่วงที่เหมาะสมกับการเริ่มสร้างพอร์ตลงทุน ควรเริ่มทยอยเก็บหุ้นมาไว้ในพอร์ตลงทุน และทยอยสร้างความสมดุลย์ไว้ระหว่างการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เงินสด โดยใช้อนุพันธ์เป็นตัวช่วยในการลดความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน โดยควรมองในระยะปานกลางหรือระยะยาวมากกว่า

ส่วนปัจจัยด้านการเมืองไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย แต่อาจจะส่งผลกระทบแค่การซื้อขายระหว่างวันเท่านั้นในช่วงที่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบในช่วงนี้น่าจะมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศมากกว่า ซึ่งดัชนีมีการปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก หากมีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกทันที เช่น การภาวะเสรษฐกิจโลกชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อที่ประสบปัญหากันทั่วโลก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยตรง
นายสมจินต์ ศรไพศาล
นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก สำหรับผู้ที่มีพอร์ตลงทุนในหุ้นประมาณ 30% ควรที่จะทยอยสะสมหุ้น เนื่องจากมีได้รับอัตราผลตอบแทนประมาณ 3-4% และในอนาคตข้างหน้าหุ้นก็ยังมีโอกาสให้ผลตอบแทนมากกว่านี้

ส่วนการที่ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงภาวะถดถอยได้ส่งผลกระทบพอสมควร ล่าสุด ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ออกมาเปิดเผยว่าอัตราการว่างงานสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ดังนั้น เมื่อมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง จึงส่งผลกระทบประเทศอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกให้เจริญเติบโต ซึ่งจำเป็นต้องพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐ ญี่ปุ่น และอียู จึงได้รับผลกระทบบ้างพอสมควร และประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน

ขณะที่ปัจจัยทางด้านการเมืองส่งผลกระทบต่อจีดีพีพอสมควร โดยมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน เมื่อความไม่แน่นอนมีสูง การขาดความเชื่อมั่น ทำให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญไปด้วย ส่วนผลการดำเนินงานของกองทุนเปิด วรรณ ยูเอส รีคอฟเวอรี่ ออพพอร์ทูนิตี้ ฟันด์ (1US-OPP) หลังจากได้เริ่มเข้าไปลงทุนประมาณ 2 เดือน มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (เอ็นเอวี) ลดลงประมาณ 5% ซึ่งนับว่าค่อนข้างดี เมื่อเปรียบเทียบกับหุ้นไทย จีน และกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (BRIC) ที่ติดลบมากกว่าในช่วงเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น