เผลอแป๊บเดียว ก็จะก้าวเข้าสู่เดือนที่ 8 ของปี 2551 แล้ว เวลามันช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ...ช่วงนี้ กระแสการเมืองในบ้านเรายังคงร้อนแรงไม่หยุด เพราะยังมีเหตุการณ์ใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความพยายามของฝ่ายรัฐบาลที่ก้อหน้าก้มตาสร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง อย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือคำนึงถึงความถูกผิด ไม่ว่าจะเป็นการนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่พันธมิตรฯ อุดรถูกทำร้าย ทั้งๆ ที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าได้รับการหนุนหลังจากคนในรัฐบาล...
นอกจากนั้น ยังมีความพยายามในการปลดองค์กรอิสระ ทั้งปปช. กกต. เพราะองค์เหล่านี้ เหมือนเป็นเสี้ยนหนามในความพยายามสร้างความชอบธรรมและล้างความผิดให้กับกลุ่มของตัวเอง...เห็นแบบนี้แล้ว ไม่รู้ว่าอนาคตของบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เพราะแทนที่จะเอาเวลาไปช่วยเหลือปากท้องพี่น้องประชาชน แต่กลับง่วนอยู่กับความพยายามเพื่อใครบางคนเท่านั้น...ต้นกล้าละเซ็ง
ช่วงหลังๆ เริ่มเห็น บทบาทของ "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล" อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์มากขึ้น ล่าสุดออกมาพูดถึงสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า จะไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนของภาคเอกชน เนื่องจากภาคเอกชนสามารถดำเนินงานไปได้ด้วยตนเอง...ปรากฏตัวบ่อยๆ แบบนี้ ไม่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ "หม่อมอุ๋ย" จะสนใจกลับลงมาเล่นการเมืองอีกหรือเปล่า
เริ่มต้นด้วยเรื่องซีเรียสพอสมควร หันมาอัพเดทเรื่องเบาๆ ในวงการกองทุนรวมกันบ้าง...ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะได้ยินแต่กระแสของ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝาก เพราะอีกไม่กี่วัน ก็จะมีผลบังคับใช้กันแล้ว ถึงแม้ในปีแรกจะยังไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจนมากนัก แต่บรรดาบลจ. ต่างก็ตื่นตัว และเร่งทำความเข้าใจให้กับนักลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะกองทุนมันนี่มาร์เกตที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เพราะกองทุนนี้ถือเป็นด่านแรกที่จะรองรับเงินฝากที่คาดว่าจะไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมในอนาคต
นอกเหนือจากนั้น เรายังเห็นหลาย บลจ. เริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อสร้างความรู้จักและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ เว็บไซด์ของแต่ละบลจ. ซึ่งหลายค่ายปรับโฉมให้ดูทันสมัยมากขึ้น พร้อมเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ เอาใจนักลงทุนอีกเพียบ ซึ่งหน้าเว็บนี้ถือเป็นด่านแรกเช่นกัน ที่นักลงทุนจะทำความรู้จักกับบลจ. นอกเหนือจากการพบลูกค้าโดยตรง
จากการสำรวจของทีมงานเรา พบว่าเว็บไซด์ของหลายบลจ. ดูไฉไลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บลจ.บัวหลวงที่เพิ่งปรับเปลี่ยนไปสดๆ ร้อนๆ หรือเว็บไซด์ของเอวายเอฟ ที่รองรับการเปิดตัว "AYF access PL@CE" ศูนย์บริการนักลงทุนได้อย่างลงตัว รวมถึงบลจ. กรุงไทย ที่ตื่นจากการหลับไหล ก็ขยับขยายเพิ่มลูกเล่นให้เว็บไซด์น่าสนใจมากขึ้น...นอกเหนือจากนั้นอีกหลายบลจ. ก็พยายามอัพเดทข่าวสารบนหน้าเว็บไซด์ให้ลูกค้าได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องชนิดไม่มีใครตกขบวน...เห็นแบบนี้แล้ว ต้นกล้าเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ ใครที่จะซื้อกองทุนคงไม่ต้องเดินไปถึงที่ เพราะอยู่ที่บ้านแล้วก็คลิก ก็สามารถทำธุรกรรมได้แล้ว
ใครกำลังมองหาช่องทางลงทุนเพื่อเป็นเศรษฐีในช่วงที่ที่ภาวะผันผวนแบบนี้ ต้องไม่พลาดงานนี้...วันนี้ (30 ก.ค.) บลจ. วรรณ เขามีงานสัมมนาให้ความรู้ดีๆ ในหัวข้อ "ลงทุนอย่างไรให้รวย ในภาวะผันผวน" ...งานนี้ "ดร.สมจินต์ ศรไพศาล" กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ ขันอาสาดำเนินการเสวนาด้วยตัวเอง...ใครมีเวลาว่างตั้งแต่ 8.30น. - 12.00น. พบกันได้ที่ ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนะครับ...งานนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
ปิดท้ายด้วยข่าวดีอีกสักเล็กน้อย...วันนี้ ปตท. เขาจะปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอลล์ ลงอีกลิตรละ 60 สตางค์ มีผลตั้งแต่ 05.00 น. ซึ่งการปรับลดครั้งนี้ จะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกตามสถานีบริการของ ปตท.ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้...เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 37.99 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 30.49 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 29.69บาท ส่วนดีเซลที่ปรับลงไปก่อนหน้านี้อยู่ที่ลิตรละ 37.94 บาท...ถึงจะลดไม่เท่ากับที่ขึ้นไปแล้ว แต่ก็น่าจะช่วยบรรเทาความเดือนร้อนได้บ้างนะครับ...
ต้นกล้า
นอกจากนั้น ยังมีความพยายามในการปลดองค์กรอิสระ ทั้งปปช. กกต. เพราะองค์เหล่านี้ เหมือนเป็นเสี้ยนหนามในความพยายามสร้างความชอบธรรมและล้างความผิดให้กับกลุ่มของตัวเอง...เห็นแบบนี้แล้ว ไม่รู้ว่าอนาคตของบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เพราะแทนที่จะเอาเวลาไปช่วยเหลือปากท้องพี่น้องประชาชน แต่กลับง่วนอยู่กับความพยายามเพื่อใครบางคนเท่านั้น...ต้นกล้าละเซ็ง
ช่วงหลังๆ เริ่มเห็น บทบาทของ "ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล" อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามหน้าข่าวหนังสือพิมพ์มากขึ้น ล่าสุดออกมาพูดถึงสถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงการปรับเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า จะไม่กระทบภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุนของภาคเอกชน เนื่องจากภาคเอกชนสามารถดำเนินงานไปได้ด้วยตนเอง...ปรากฏตัวบ่อยๆ แบบนี้ ไม่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ "หม่อมอุ๋ย" จะสนใจกลับลงมาเล่นการเมืองอีกหรือเปล่า
เริ่มต้นด้วยเรื่องซีเรียสพอสมควร หันมาอัพเดทเรื่องเบาๆ ในวงการกองทุนรวมกันบ้าง...ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็จะได้ยินแต่กระแสของ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝาก เพราะอีกไม่กี่วัน ก็จะมีผลบังคับใช้กันแล้ว ถึงแม้ในปีแรกจะยังไม่เห็นผลกระทบที่ชัดเจนมากนัก แต่บรรดาบลจ. ต่างก็ตื่นตัว และเร่งทำความเข้าใจให้กับนักลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะกองทุนมันนี่มาร์เกตที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เพราะกองทุนนี้ถือเป็นด่านแรกที่จะรองรับเงินฝากที่คาดว่าจะไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนรวมในอนาคต
นอกเหนือจากนั้น เรายังเห็นหลาย บลจ. เริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อสร้างความรู้จักและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ามากขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ เว็บไซด์ของแต่ละบลจ. ซึ่งหลายค่ายปรับโฉมให้ดูทันสมัยมากขึ้น พร้อมเพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ เอาใจนักลงทุนอีกเพียบ ซึ่งหน้าเว็บนี้ถือเป็นด่านแรกเช่นกัน ที่นักลงทุนจะทำความรู้จักกับบลจ. นอกเหนือจากการพบลูกค้าโดยตรง
จากการสำรวจของทีมงานเรา พบว่าเว็บไซด์ของหลายบลจ. ดูไฉไลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น บลจ.บัวหลวงที่เพิ่งปรับเปลี่ยนไปสดๆ ร้อนๆ หรือเว็บไซด์ของเอวายเอฟ ที่รองรับการเปิดตัว "AYF access PL@CE" ศูนย์บริการนักลงทุนได้อย่างลงตัว รวมถึงบลจ. กรุงไทย ที่ตื่นจากการหลับไหล ก็ขยับขยายเพิ่มลูกเล่นให้เว็บไซด์น่าสนใจมากขึ้น...นอกเหนือจากนั้นอีกหลายบลจ. ก็พยายามอัพเดทข่าวสารบนหน้าเว็บไซด์ให้ลูกค้าได้ติดตามกันอย่างต่อเนื่องชนิดไม่มีใครตกขบวน...เห็นแบบนี้แล้ว ต้นกล้าเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ ใครที่จะซื้อกองทุนคงไม่ต้องเดินไปถึงที่ เพราะอยู่ที่บ้านแล้วก็คลิก ก็สามารถทำธุรกรรมได้แล้ว
ใครกำลังมองหาช่องทางลงทุนเพื่อเป็นเศรษฐีในช่วงที่ที่ภาวะผันผวนแบบนี้ ต้องไม่พลาดงานนี้...วันนี้ (30 ก.ค.) บลจ. วรรณ เขามีงานสัมมนาให้ความรู้ดีๆ ในหัวข้อ "ลงทุนอย่างไรให้รวย ในภาวะผันผวน" ...งานนี้ "ดร.สมจินต์ ศรไพศาล" กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ ขันอาสาดำเนินการเสวนาด้วยตัวเอง...ใครมีเวลาว่างตั้งแต่ 8.30น. - 12.00น. พบกันได้ที่ ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 3 อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนะครับ...งานนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
ปิดท้ายด้วยข่าวดีอีกสักเล็กน้อย...วันนี้ ปตท. เขาจะปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอลล์ ลงอีกลิตรละ 60 สตางค์ มีผลตั้งแต่ 05.00 น. ซึ่งการปรับลดครั้งนี้ จะทำให้ราคาน้ำมันขายปลีกตามสถานีบริการของ ปตท.ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้...เบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 37.99 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ลิตรละ 30.49 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ลิตรละ 29.69บาท ส่วนดีเซลที่ปรับลงไปก่อนหน้านี้อยู่ที่ลิตรละ 37.94 บาท...ถึงจะลดไม่เท่ากับที่ขึ้นไปแล้ว แต่ก็น่าจะช่วยบรรเทาความเดือนร้อนได้บ้างนะครับ...
ต้นกล้า