xs
xsm
sm
md
lg

ชูมันนี่มาร์เกตกู้ตลาดกองทุนรวม นักลงทุนใช้ดูเเลสภาพคล่องระยะปานกลาง-ยาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.วรรณ มองภาพกองทุนรวมปีนี้ โตถึง 20% เป็นเรื่องยาก เหตุแบงก์ขึ้นดอกเบี้ยดึงเงินฝาก ลุ้นพ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากหนุนธุรกิจโต โดยเฉพาะมันนี่มาร์เกต ที่ผู้ลงทุนจะนำไปใช้สำหรับการดูเเลสภาพคล่อง ในระยะปานกลางเเละระยะยาว จับตากองทุนพันธบัตรมีออกมาให้เห็นมากขึ้นตามดอกเบี้ยขยับ เผยเตรียมโรดโชว์ "TDEX" ที่ฮ่องกงเดือนกันยายนนี้ พรอ้มกระตุ้นการลงทุนผ่านโบรกเกอร์ หวังโกยเงินลงทุนรับแผนเพิ่มทุน 5,000 ล้านบาท
นายสมจิตน์ ศรไพศาล
นายสมจิตน์ ศรไฟศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนในปีนี้ เชื่อว่าไม่น่าจะเติบโตถึง 20% อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ ซึ่งที่ผ่านมาแม้ บลจ.วรรณจะขยายตัวอยู่ที่ 10% แต่ในขณะที่ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมยังคงขยับขึ้นเเละขยับลง ทั้งนี้ เป็นสาเหตุมาจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทำให้ทางเลือกในการฝากเงินมีความสนใจมากขึ้นในเเง่ของอัตราดอกเบี้น เเต่ชื่อว่าการเปลี่ยนเเปลงของสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ก็คงทำให้นักลงทุนไม่คุ้นเคยกับกองทุนรวม หันมาทำความคุ้นเคยกับกองทุนมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ดีให้กับธุรกิจกองทุน

โดยเชื่อว่าระยะปานกลางเเละระยะยาว การใช้กองทุนรวมในเเง่มุมเพื่อใช้ดูเเลสภาพคล่องจะได้รับความสนใจมากที่สุด เพราะถือเป็นก้าวเเรกของเงินที่ออกจากสถาบันทางการเงินมาสู่กองทุน โดยเฉพาะกองทุนมันนี่มาร์เก็ตฟันด์ จะเป็นกลุ่มเเรกที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด เพราะพฤติกรรมทั่วไปของนักลงทุนมักจะชอบความคล่องตัว ความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐ เเละสามารถเบิกถอนได้ทุกวัน จึงน่าจะทำให้กองทุนประเภทนี้ได้รับความสนใจเป็นอันดับเเรก

"ถ้าอัตราดอกเบี้ยในประเทศขยับขึ้นไปบ้าง ก็อาจจะมีกองทุนออกใหม่ที่อิงกับพันธบัตรมากขึ้น แต่ในช่วงที่ผ่านมาไปอิงกับพันธบัตรต่างประเทศมาก อย่างไรก็ตาม ก็คงต้องดูสภาพตลาดว่าอัตราดอกเบี้ยขยับอย่างไรบ้าง ซึ่งในขณะนี้การลงทุนมีโอกาสมากขึ้น ผู้จัดการกองทุนทั้งหลายก็คงต้องไปดูโอกาสของโลก ว่าตอนนี้อยู่ตรงที่ใดเเล้วนำมาเสนอให้กับผู้ลงทุน ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ ก็คงมีโอกาสเห็นอะไรใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น"นายสมจิตน์กล่าว

นายสมจิตน์กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาดใหม่ ด้วยการดึงคุณมณีพร ดวงมณี มาช่วยดูเเล ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัท ซึ่งเราเองรู้สึกตื่นเต้น เพราะคุณมณีพร เป็นผู้จัดการกองทุนที่ดูไพรเวทฟันด์มานาน ดังนั้นคุณมณีพรจึงมีความรู้ด้านการบริหารเเละรู้เรื่องการทำความเข้าใจจากลูกค้า เราจึงเชื่อว่าจะมีโอกาสขายฐานลูกค้าได้อย่างมั่นคงขึ้น โดยเฉพาะลูกค้าสายสถาบัน ซึ่งการที่บลจ.วรรณไม่มีสาขานั้น ทำให้เรามุ่งเน้นไปยังตลาดหลักทรัพย์โดยตรง ไม่ต้องอาศัยสาขา เเต่เน้นความสัมพันธ์กับโบรกเกอร์ ในการประชาสัมพันธ์กองทุนในบลจ.วรรณมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เเม้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทจะไม่ได้ออกกองทุนใหม่ๆ มากนัก เเต่ก็มีความเเตกต่างให้นักลงทุนได้เลือกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นกองทุน ETF SET 50 หรือ TDEX ที่มาตอบโจทย์เติมเต็มช่องว่างของตลาดทุนไทยอย่างมีนัยยะสำคัญ เเละทำให้ขนาดของกองทุนเราเติบโตได้ จากประมาณ 1,000 กว่าล้าน เป็น 3,800 ล้าน ในเวลา 10 เดือน ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าว ให้ทั้งการกระจายความเสี่ยง สภาพคล่อง จึงทำให้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบัน เเละนักลงทุนทั่วไป รวมทั้งคนที่ยังไม่ลงทุน

"คนที่ไม่เข้าตลาดทุนไทยเอง มาจากความกลัวความเสี่ยงของหุ้น ซึ่งหุ้นเเต่ละตัวก็มีความเสี่ยงอยู่พอสมควร เเต่พอมาเป็น SET 50 หุ้น 50 ตัว เเล้วยังเป็นหุ้นที่ประวัติการจ่ายปันผลดีประมาณ 16 ตัว ก็ลดความเสี่ยงได้มากเเละทำให้การเริ่มต้นมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น เรื่องของ TDEX เราก็คงพยายามจะกระจายความรู้ให้นักลงทุนต่อไป" นายสมจตน์กล่าว

โดยบริษัทมีแผนการกระตุ้นการลงทุนผ่านโบรกเกอร์ เพื่อให้เห็นประโยชน์เเละช่วยกันเผยเเพร่กองทุนนี้ต่อไป ซึ่งเราเชื่อว่ากองทุน TDEX เป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ หรือเป็นการลงทุนหลักของนักลงทุนได้ ซึ่งขนาดของกองทุนเเละความคล่องตัวสะท้อนหลายอย่าง ทั้งสะท้อนส่วนเเบ่งการตลาด สะท้อนความสามารถในการเเข่งขัน สะท้อนความสามารในการทำกำไร เเละสะท้อนความเติบโต และสะท้อนความสนใจของนักลงทุนเเละนักวิเคราะห์อีกด้วย โดยในเดือนกันยายนนี้ จะเดินทางไปฮ่องกง เพื่อนำเสนอกองทุน TDEX ไปเผยเเพร่ให้รู้จัก โดยเมื่อเดือนที่ผ่านมาทางบูมเบิกส์ เพิ่งประกาศว่า กองทุน TDEX เป็นที่ 4 ของกองทุนอีทีเอฟที่มีสภาพคล่องในกองทุนทั้งหมดในเอเชียเเปซิฟิค ซึ่งถือเป็นความภูมิใจมาก เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเพิ่งเกิดขึ้นเพียง 10 เดือนเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น