รอยเตอร์ - ผู้จัดการหลักทรัพย์ DWS เผยมองตลาดหลักทรัพย์จีนสดใสกว่าอินเดีย เนื่องจากมั่นใจในเงินคงคลังที่จะมาสู้วิกฤต พร้อมเพิ่มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวันและจีน
แอนดรูว์ แทนผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ DWS ที่เป็นบริษัทในกลุ่มของดอยช์ แบงก์ ได้เปิดเผยว่า การลงทุนในแถบเอเชียควรมุ่งไปที่ตลาดหลักทรัพย์จีน และลดการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย เนื่องจากประเทศจีนมีเงินคงคลังที่เปี่ยมล้น ทำให้สามารถที่จะรับมือกับปัญหาของเงินเฟ้อและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้ดีกว่า
โดยกองทุน DWS ที่มีทรัพย์สินมากถึง 255,000 ล้านยูโรได้มองว่าหลักทรัพย์ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของจีนนั้นเป็นหุ้นที่มีแรงดึงดูดมากที่สุด ในขณะที่หุ้นด้านอุตสาหกรรมยังต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะหุ้นสายการบินที่ในระยะนี้กำลังประสบกับปัญหา
ในช่วงที่ผ่านมาตลาดการเงินของจีนมีความผันผวนไม่น้อย โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์มังกรที่เริ่มตกต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้วแต่นั่นก็ทำให้มีการประเมินกันว่าการที่หุ้นจีนจะตกลงไปได้อีกนั้นคงมีจำกัด
"ราคาประเมินหลักทรัพย์ในจีนได้เพิ่มแรงดึงดูดมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นผมมองว่าขณะนี้การลงทุนในหุ้นของจีนนั้นปลอดภัยที่สุด" แอนดรูว์ แทน เปิดเผยกับรอยเตอร์
จากข้อมูลของรอยเตอร์พบว่า นับจากช่วงที่หุ้นจีนพุ่งสูงสุดในปีที่แล้ว แล้วร่วงต่อเนื่องตกมาจนถึงปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 43% ในขณะที่หุ้นของอินเดียนับจากช่วงพุ่งสูงสุดเมื่อเดือนม.ค. ได้ร่วงลงมา 40.2% ทว่าเมื่อเผชิญกับการรับมือเงินเฟ้อของรัฐบาลแล้ว ทางอินเดียนั้นมีตัวเลขบัญชีปกติและบัญชีทุนติดลบ ในขณะที่เงินเฟ้อของจีนในปัจจุบันยังอยู่ที่ 12% เพิ่มขึ้นจากเมื่อครึ่งปีที่แล้ว 2 เท่ากว่า
DWS ยังมองว่าทางการจีนอาจจะยอมให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพื่อที่จะชดเชยกับผลกระทบของเงินเฟ้อที่มาจากต่างประเทศ พร้อมเปิดเผยว่าในขณะนี้ทางบริษัทกำลังจะเพิ่มการลงทุนในหลักทรัพย์ของไต้หวัน และประเทศไทย ซึ่งเป็นหุ้นที่มีการขยับค่อนข้างอืดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นพวกนี้มีอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 5% ซึ่งมองแล้วว่ามีโอกาสที่จะขึ้นมากกว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่อื่นในเอเชีย
ส่วนการที่ให้ความสำคัญกับหุ้นสื่อสารโทรคมนาคมนั้น แทนได้เปิดเผยว่า เนื่องจากประเทศจีนและอินเดียมีประชากรมากถึง 1 ใน 3 ของโลก และอยู่ในช่วงที่กำลังผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เนื่องจากอัตราการใช้และความทั่วถึงในชนบทยังน้อยอยู่
"นี่นับว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจไม่กี่ประเภทที่มีกำลังการเติบโตและมีอนาคตในเอเชีย ซึ่งมีการประเมินกันว่า หุ้นโทรคมนาคมในหลายๆตลาดนั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่มั่นคงมากกว่า 5% ขึ้นไป"
ทั้งนี้ จนถึงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. กองทุน DWS มีอัตราผลตอบแทนใน 3 ปีอยู่ที่ 68.8% และเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา DWS Asia Premier Trust มีหุ้นของไชน่า โมบาย กับไชน่า เทเลคอมติด 10 อันดับแรกของจำนวนหุ้นที่ถือไว้มากที่สุด
แอนดรูว์ แทนผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ DWS ที่เป็นบริษัทในกลุ่มของดอยช์ แบงก์ ได้เปิดเผยว่า การลงทุนในแถบเอเชียควรมุ่งไปที่ตลาดหลักทรัพย์จีน และลดการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย เนื่องจากประเทศจีนมีเงินคงคลังที่เปี่ยมล้น ทำให้สามารถที่จะรับมือกับปัญหาของเงินเฟ้อและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจได้ดีกว่า
โดยกองทุน DWS ที่มีทรัพย์สินมากถึง 255,000 ล้านยูโรได้มองว่าหลักทรัพย์ด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของจีนนั้นเป็นหุ้นที่มีแรงดึงดูดมากที่สุด ในขณะที่หุ้นด้านอุตสาหกรรมยังต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะหุ้นสายการบินที่ในระยะนี้กำลังประสบกับปัญหา
ในช่วงที่ผ่านมาตลาดการเงินของจีนมีความผันผวนไม่น้อย โดยเฉพาะตลาดหลักทรัพย์มังกรที่เริ่มตกต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้วแต่นั่นก็ทำให้มีการประเมินกันว่าการที่หุ้นจีนจะตกลงไปได้อีกนั้นคงมีจำกัด
"ราคาประเมินหลักทรัพย์ในจีนได้เพิ่มแรงดึงดูดมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นผมมองว่าขณะนี้การลงทุนในหุ้นของจีนนั้นปลอดภัยที่สุด" แอนดรูว์ แทน เปิดเผยกับรอยเตอร์
จากข้อมูลของรอยเตอร์พบว่า นับจากช่วงที่หุ้นจีนพุ่งสูงสุดในปีที่แล้ว แล้วร่วงต่อเนื่องตกมาจนถึงปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 43% ในขณะที่หุ้นของอินเดียนับจากช่วงพุ่งสูงสุดเมื่อเดือนม.ค. ได้ร่วงลงมา 40.2% ทว่าเมื่อเผชิญกับการรับมือเงินเฟ้อของรัฐบาลแล้ว ทางอินเดียนั้นมีตัวเลขบัญชีปกติและบัญชีทุนติดลบ ในขณะที่เงินเฟ้อของจีนในปัจจุบันยังอยู่ที่ 12% เพิ่มขึ้นจากเมื่อครึ่งปีที่แล้ว 2 เท่ากว่า
DWS ยังมองว่าทางการจีนอาจจะยอมให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นอีกระดับหนึ่ง เพื่อที่จะชดเชยกับผลกระทบของเงินเฟ้อที่มาจากต่างประเทศ พร้อมเปิดเผยว่าในขณะนี้ทางบริษัทกำลังจะเพิ่มการลงทุนในหลักทรัพย์ของไต้หวัน และประเทศไทย ซึ่งเป็นหุ้นที่มีการขยับค่อนข้างอืดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นพวกนี้มีอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 5% ซึ่งมองแล้วว่ามีโอกาสที่จะขึ้นมากกว่าหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าที่อื่นในเอเชีย
ส่วนการที่ให้ความสำคัญกับหุ้นสื่อสารโทรคมนาคมนั้น แทนได้เปิดเผยว่า เนื่องจากประเทศจีนและอินเดียมีประชากรมากถึง 1 ใน 3 ของโลก และอยู่ในช่วงที่กำลังผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม เนื่องจากอัตราการใช้และความทั่วถึงในชนบทยังน้อยอยู่
"นี่นับว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจไม่กี่ประเภทที่มีกำลังการเติบโตและมีอนาคตในเอเชีย ซึ่งมีการประเมินกันว่า หุ้นโทรคมนาคมในหลายๆตลาดนั้นสามารถให้ผลตอบแทนที่มั่นคงมากกว่า 5% ขึ้นไป"
ทั้งนี้ จนถึงเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. กองทุน DWS มีอัตราผลตอบแทนใน 3 ปีอยู่ที่ 68.8% และเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา DWS Asia Premier Trust มีหุ้นของไชน่า โมบาย กับไชน่า เทเลคอมติด 10 อันดับแรกของจำนวนหุ้นที่ถือไว้มากที่สุด