หนังสือพิมพ์สากล / ซีน่าเน็ต - วานิชธนกิจดังเผยหุ้นจีนร่วงมาอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังจีนระบุว่าการปรับตัวในช่วงนี้ ย่อมดีกว่าต้องไปปรับตัวเมื่อดัชนีพุ่งไปถึง 8,000-10,000 จุด พร้อมเตือนนักลงทุนต้องระวังความเสี่ยงด้วยตนเอง
วานิชธนกิจ เจพี มอร์แกนได้ออกมาเปิดเผยว่า ในขณะนี้หุ้นกระดานเอ ของจีนได้ร่วงลงมาจนอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลแล้ว โดยคุณหลี่ จิงผู้จัดการใหญ่และหัวหน้าส่วนตลาดหลักทรัพย์จีนของเจพีมอร์แกนได้เปิดเผยกับนักข่าวว่า ในไตรมาสแรกหุ้นของจีนได้ตกสะสมมาแล้ว 35% ค่า PE ลดลงจาก 6 เดือนก่อนที่อยู่ที่ 52 เท่ามาอยู่ที่ 27 เท่า จึงกล่าวได้ว่าตอนนี้หุ้นจีนในตกลงมาอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
โดยหลี่ได้ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา นักลงทุนจากต่างประเทศได้ประสบปัญหาวิกฤตด้านสินเชื่อ ทำให้มีการถอนทุนออกไปจากตลาดเอเชียจำนวนมาก แต่เมื่อหุ้นจีนตกลงมาถึงตอนนี้ คาดว่าคงจะสร้างความสนใจให้กับผู้ลงทุนใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่ตลาดกระดานเอได้พบกับไตรมาสที่แย่ที่สุดในรอบ 15 ปีนี้แล้ว ในไตรมาสที่ 2 สถานการณ์จะดีกว่าไตรมาสแรก
และจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีนักวิเคราะห์จากธนาคารเอชเอสบีซี ในฮ่องกงได้ชี้ว่า "ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียได้เข้าสู่ภาวะซบเซา" หลี่ จิงได้ระบุว่า จะต้องดูว่านิยามตลาดซบเซาของนักลงทุนนั้นเป็นอย่างไร เพราะหากดูจากปี 2006 มาจนถึงตอนนี้ ก็นับว่าตลาดหุ้นกระดานเอ ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่ในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องดูที่เงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และผลกระทบจากนโยบายควบคุมทางมหภาคของจีน
ในขณะที่คุณฝาน กัง นักวิจัยเศรษฐกิจประชาชนและนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของจีนได้เปิดเผยว่า "การปรับตัวของตลาดหลักทรัพย์จีนในขณะนี้ถือว่าเป็นการปรับตัวที่ปกติและถูกเวลา การปรับตัวในตอนนี้ จะมีความสูญเสียน้อยกว่าการที่มีการปรับตัวตลาดในอนาคต และการปรับตัวในเวลานี้ก็ส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจภาพรวมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
"การปรับตัวในตอนนี้ หากไม่พิจารณาจากปัจจัยภายนอกจากต่างประเทศ ก็เห็นได้ว่าดัชนีตลาดของจีนนั้น ในช่วงที่ผ่านมาได้หลุดออกไปจากพื้นฐานมาก ช้าเร็วก็ต้องประสบกับช่วงปรับตัว การปรับตัวในช่วงนี้ ยังดีกว่าการปรับตัวในขณะที่ดัชนีพุ่งขึ้นไปถึง 8,000 จุดหรือ 10,0000 จุดมาก"
ส่วนประเด็นที่ผู้ลงทุนในตลาดต่างส่งเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตลาดนั้น ฝานกังได้ระบุว่า "อย่าได้หวังพึ่งศักยภาพของรัฐบาลมากนัก การปรับตัวของตลาดนั้นที่สุดแล้วก็ควรจะพึ่งกลไกการพัฒนาของตลาดหลักทรัพย์เอง รัฐบาลสามารถแทรกแซงได้อย่างจำกัด"
"ดังนั้น ผู้ลงทุนจำเป็นจะต้องระวังความเสี่ยง ไม่ใช่ว่าในขณะที่ตลาดมีผลการประกอบการดี ก็สามารถลงทุนได้โดยไม่ต้องระวังความเสี่ยง เพราะการที่ทุกคนรู้จักระวังนั้น จึงจะทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของจีนสามารถก้าวไปสู่ความมีเสถียรภาพมากขึ้นได้" ฝาน กังระบุ
วานิชธนกิจ เจพี มอร์แกนได้ออกมาเปิดเผยว่า ในขณะนี้หุ้นกระดานเอ ของจีนได้ร่วงลงมาจนอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผลแล้ว โดยคุณหลี่ จิงผู้จัดการใหญ่และหัวหน้าส่วนตลาดหลักทรัพย์จีนของเจพีมอร์แกนได้เปิดเผยกับนักข่าวว่า ในไตรมาสแรกหุ้นของจีนได้ตกสะสมมาแล้ว 35% ค่า PE ลดลงจาก 6 เดือนก่อนที่อยู่ที่ 52 เท่ามาอยู่ที่ 27 เท่า จึงกล่าวได้ว่าตอนนี้หุ้นจีนในตกลงมาอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
โดยหลี่ได้ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา นักลงทุนจากต่างประเทศได้ประสบปัญหาวิกฤตด้านสินเชื่อ ทำให้มีการถอนทุนออกไปจากตลาดเอเชียจำนวนมาก แต่เมื่อหุ้นจีนตกลงมาถึงตอนนี้ คาดว่าคงจะสร้างความสนใจให้กับผู้ลงทุนใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากที่ตลาดกระดานเอได้พบกับไตรมาสที่แย่ที่สุดในรอบ 15 ปีนี้แล้ว ในไตรมาสที่ 2 สถานการณ์จะดีกว่าไตรมาสแรก
และจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีนักวิเคราะห์จากธนาคารเอชเอสบีซี ในฮ่องกงได้ชี้ว่า "ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียได้เข้าสู่ภาวะซบเซา" หลี่ จิงได้ระบุว่า จะต้องดูว่านิยามตลาดซบเซาของนักลงทุนนั้นเป็นอย่างไร เพราะหากดูจากปี 2006 มาจนถึงตอนนี้ ก็นับว่าตลาดหุ้นกระดานเอ ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่ในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องดูที่เงินเฟ้อ การเติบโตทางเศรษฐกิจ และผลกระทบจากนโยบายควบคุมทางมหภาคของจีน
ในขณะที่คุณฝาน กัง นักวิจัยเศรษฐกิจประชาชนและนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของจีนได้เปิดเผยว่า "การปรับตัวของตลาดหลักทรัพย์จีนในขณะนี้ถือว่าเป็นการปรับตัวที่ปกติและถูกเวลา การปรับตัวในตอนนี้ จะมีความสูญเสียน้อยกว่าการที่มีการปรับตัวตลาดในอนาคต และการปรับตัวในเวลานี้ก็ส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจภาพรวมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น"
"การปรับตัวในตอนนี้ หากไม่พิจารณาจากปัจจัยภายนอกจากต่างประเทศ ก็เห็นได้ว่าดัชนีตลาดของจีนนั้น ในช่วงที่ผ่านมาได้หลุดออกไปจากพื้นฐานมาก ช้าเร็วก็ต้องประสบกับช่วงปรับตัว การปรับตัวในช่วงนี้ ยังดีกว่าการปรับตัวในขณะที่ดัชนีพุ่งขึ้นไปถึง 8,000 จุดหรือ 10,0000 จุดมาก"
ส่วนประเด็นที่ผู้ลงทุนในตลาดต่างส่งเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือตลาดนั้น ฝานกังได้ระบุว่า "อย่าได้หวังพึ่งศักยภาพของรัฐบาลมากนัก การปรับตัวของตลาดนั้นที่สุดแล้วก็ควรจะพึ่งกลไกการพัฒนาของตลาดหลักทรัพย์เอง รัฐบาลสามารถแทรกแซงได้อย่างจำกัด"
"ดังนั้น ผู้ลงทุนจำเป็นจะต้องระวังความเสี่ยง ไม่ใช่ว่าในขณะที่ตลาดมีผลการประกอบการดี ก็สามารถลงทุนได้โดยไม่ต้องระวังความเสี่ยง เพราะการที่ทุกคนรู้จักระวังนั้น จึงจะทำให้ตลาดหลักทรัพย์ของจีนสามารถก้าวไปสู่ความมีเสถียรภาพมากขึ้นได้" ฝาน กังระบุ
