ซินหัวเน็ต – จิม โรเจอร์ผู้คร่ำหวอดในตลาดหุ้นมานาน ได้เปิดเผยว่าในระยะยาวตลาดจีนยังจะไปได้ดีจนถึงทะลุ 10,000 จุด โดยระบุว่าตั้งแต่ซื้อหุ้นจีนมาก็ยังไม่เคยเทขายเลย พร้อมแนะผู้ลงทุนควรมองหาหุ้นการเกษตร พลังงานในการลงทุนระยะยาว
ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐฯประสบภาวะถดถอย ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ร่วงกราวรูด จนกระทั่งรัฐบาลประธานาธิบดีบุช ต้องออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนออกมา ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ก็เป็นช่วงเวลาที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนก็ร่วงจาก 6,430 จุดมาอยู่ที่ 4,544 จุด หรือตกลงเกือบว่า 30% ทว่าในมุมมองของจิมโรเจอร์ เซียนตลาดหุ้นวอลล์สตรีทตลาดจีนยังไปได้อีกไกล
โดยโรเจอร์ได้ให้สัมภาษณ์กับกว่างตง เดลี่ว่า “วิกฤติซับไพรม์ ที่ได้ทำให้เกิดหนี้เสียขึ้นเป็นวงกว้าง ผนวกกับการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจจะส่งผลกับจีนในบางส่วน ทว่าในหลายภาคส่วนอาทิการเกษตร ชลประทานในจีนไม่ได้รับผลกระทบอะไร”
ส่วนสาเหตุที่ตลาดหลักทรัพย์จีนตกอย่างต่อเนื่องนั้น โรเจอร์ระบุว่า “การตกลงของดัชนีตลาดหุ้นสามารถอธิบายได้หลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องถึง 6 ครั้ง การปรับขึ้นเงินสำรองธนาคารพาณิชย์กว่า 10 ครั้งเป็นต้น รัฐบาลจีนได้พยายามใช้นโยบายเหล่านี้เพื่อลดเงินเฟ้อ และให้เศรษฐกิจพัฒนาไปอย่างสมเหตุสมผล นี่ยังไม่รวมถึงการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทำให้การส่งออกของจีนลดลง ซึ่งย่อมส่งผลต่อตลาดหลักทรัพย์ด้วย”
โรเจอร์ ยังได้แสดงความมั่นใจว่า “ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จีนจะต้องทะลุถึง 10,000 จุดแน่ อาจจะใช้เวลา 5 ปีหรือว่า 10 ปี แม้ว่าผมไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่ตลาดหุ้นจีนจะพุ่งสูงขึ้นไปถึงระดับนี้ แต่ผมก็มีความเชื่อมั่นกับตลาดหลักทรัพย์จีนอย่างยิ่ง และสักวันจะให้ลูกสาวของผมรับช่วงการดูแลหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จีนของผมต่อ”
“ส่วนตัวแล้วผมไม่ได้สนใจกระแสระยะสั้นของตลาดหุ้นจีน และไม่สนใจว่าช่วงนี้หุ้นจีนเป็นอย่างไร เพราะผมไม่ถนัดกับการเก็งกำไรระยะสั้น ทว่า ตั้งแต่ผมซื้อหุ้นจีนเป็นต้นมา จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่เคยปล่อยขายออกไปเลย”
นอกจากนั้น โรเจอร์ได้แนะนำว่า “การลงทุนจีนที่น่าสนใจในปัจจุบันหนึ่งนั้นได้แก่สินค้าการเกษตร เพราะในอีกหลายปีข้างหน้าราคาฝ้ายหรือน้ำตาลจะยังเพิ่มสูงขึ้น หากผู้ลงทุนสามารถค้นพบบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเหล่านี้ ในระยะยาว 10-15 ปีนับว่าจะเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่ดี เพราะรัฐบาลจีนกำลังทุ่มเงินลงทุนอย่างมหาศาลเพื่อไปพัฒนาภาคการเกษตร เพื่อเลี้ยงดูประชากรในประเทศ ที่เหลือการลงทุนในอุตสาหกรรมการบำบัดน้ำ หรือว่าพลังงานก็ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ดี
