บลจ.แอสเซท พลัส มองตลาดตราสารหนี้ไทยเดือนนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ?อเป็นปัจจัยสำคัญ ทำให้ตลาดคาดการณ?อัตราดอกเบี้ยน?าจะปรับตัวขึ้นในช?วงครึ่งหลังของป? ล่าสุดเตรียมเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ กองทุน ASP-6M7 โดยจะลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพในประเทศ และตราสารหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนไม่เกิน 79% เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นจากการลงทุนในรอบการเสนอขายวันที่ 14 ก.ค. นี้
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ไทยในเดือนนี้ ยังคงได?รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่อยู่ในระดับสูง จนทําใหหลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศน่าจะปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยตัวเลขเงินเฟ?อในประเทศเดือนมิถุนายน สูงขึ้นถึง 8.9% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นแรงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ R/P 1 วัน ในการประชุมวันที่ 16 กรกฎาคมนี้
“ในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ของบริษัท ผู้จัดการกองทุนได้ปรับลด duration ของพอร์ตการลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้กองทุนได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของดอกเบี้ยน้อยกว่าดัชนีพันธบัตร อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนในตราสารหนี้ ควรลงทุนในตราสารระยะสั้น เพื่อลดความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารหนี้ และสามารถสร้างผลตอบแทนตามภาวะตลาดที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น“ นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยในวันที่ 14 กรกฎาคม นี้ บริษัทฯ จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัส 6M7 (ASP-6M7) ที่มีรอบระยะเวลาการลงทุนทุก 6 เดือน โดยในรอบการลงทุนนี้กองทุนจะเน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนไทยที่มี Credit rating ตั้งแต่ระดับ Investment Grade ขึ้นไป และตราสารหนี้ของสถาบันการเงินต่างประเทศ หรือ ECP เช่น ABN AMRO Bank, National Australia Bank, Korean Development Bank และ Emirates Bank เป็นต้น ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับการจัดอันดับ Credit Rating โดยสถาบัน S&P ในระดับ A- ขึ้นไป เพื่อสร้างโอกาสผลตอบแทนให้สูงขึ้นและลดความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนในตราสารดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 4.00% ต่อปี โดยหลังจากหักค่าใช้จ่ายการลงทุนและการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน หรือ Fully Hedge ประมาณ 0.40% แล้ว สามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.60% ต่อปี
โดยกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ 6M7 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนเป็นราย 6 เดือน ไม่ชอบความเสี่ยงสูง และคาดหวังผลตอบแทนมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ และจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 79%
นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แอสเซท พลัส จำกัด เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของตลาดตราสารหนี้ไทยในเดือนนี้ ยังคงได?รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่อยู่ในระดับสูง จนทําใหหลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศน่าจะปรับตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยตัวเลขเงินเฟ?อในประเทศเดือนมิถุนายน สูงขึ้นถึง 8.9% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นแรงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หรือ R/P 1 วัน ในการประชุมวันที่ 16 กรกฎาคมนี้
“ในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ของบริษัท ผู้จัดการกองทุนได้ปรับลด duration ของพอร์ตการลงทุนไปแล้วก่อนหน้านี้ ทำให้กองทุนได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการปรับตัวสูงขึ้นของดอกเบี้ยน้อยกว่าดัชนีพันธบัตร อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนในตราสารหนี้ ควรลงทุนในตราสารระยะสั้น เพื่อลดความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาตราสารหนี้ และสามารถสร้างผลตอบแทนตามภาวะตลาดที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น“ นางสาวจารุลักษณ์ กล่าว
นางสาวจารุลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โดยในวันที่ 14 กรกฎาคม นี้ บริษัทฯ จะเปิดขายและรับซื้อคืนรอบใหม่ ของกองทุนเปิดแอสเซทพลัส 6M7 (ASP-6M7) ที่มีรอบระยะเวลาการลงทุนทุก 6 เดือน โดยในรอบการลงทุนนี้กองทุนจะเน้นกระจายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนไทยที่มี Credit rating ตั้งแต่ระดับ Investment Grade ขึ้นไป และตราสารหนี้ของสถาบันการเงินต่างประเทศ หรือ ECP เช่น ABN AMRO Bank, National Australia Bank, Korean Development Bank และ Emirates Bank เป็นต้น ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ได้รับการจัดอันดับ Credit Rating โดยสถาบัน S&P ในระดับ A- ขึ้นไป เพื่อสร้างโอกาสผลตอบแทนให้สูงขึ้นและลดความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในประเทศเพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ ผลตอบแทนของพอร์ตการลงทุนในตราสารดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 4.00% ต่อปี โดยหลังจากหักค่าใช้จ่ายการลงทุนและการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน หรือ Fully Hedge ประมาณ 0.40% แล้ว สามารถให้ผลตอบแทนประมาณ 3.60% ต่อปี
โดยกองทุนเปิดแอสเซทพลัสตราสารหนี้ 6M7 เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนเป็นราย 6 เดือน ไม่ชอบความเสี่ยงสูง และคาดหวังผลตอบแทนมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก กองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ และจะพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 79%