บลจ.พรีมาเวสท์ปรับกองมันนี่มาร์เก็ตจ่ายเงินคืนใน 1 วันทำการสำหรับลูกค้าแบงก์กรุงศรี พร้อมเดินหน้าหาช่องปรับเวลาให้กับนักลงทุนที่เป็นลูกค้าแบงก์อื่นด้วยเช่นกัน"เพิ่มพล"ระบุอนาคตกองมันนี่มาร์เก็ตจะไม่ได้รับผลกระทบ หากตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้น เหตุเงินส่วนใหญ่ที่อยู่ในกองทุนนี้ไม่ได้ถูกโยกมาจากตลาดหุ้นแต่เป็นเงินออมของลูกค้า ขณะเดียวกันเตรียมส่งกองทุนต่างประเทศและกองตราสารหนี้ไทย เอาใจลูกค้าเพิ่มอีกช่วงครึ่งหลังของปีนี้
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางบริษัทได้ทำการปรับลดระยะเวลาการรับเงินในการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ มันนี่ (KPM) เพื่อให้นักลงทุนได้รับเงินฉับไวมากขึ้นใน 1 วันทำการ (T+1)
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะต้องมีบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เท่านั้นถึงจะถอนเงินได้ทันทีตั้งแต่ 06.00 น. หลังจากวันขายคืนหน่วยลงทุน ส่วนลูกค้าที่มีบัญชีกับธนาคารพาณิชย์อื่นจะต้องรอในวันทำการถัดไปคือ T+2
สำหรับกองทุนี้ จะมีนโยบายลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตราสารแห่งหนี้ ตราสารการเงินที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันโดยสถาบันการเงิน หรือธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2551 มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.8% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.79%ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.75%
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า การจ่ายเงินให้กับลูกค้าของกองทุนนี้ จะมีปรับปรุงอีกในอนาคต เพื่อให้ลูกค้าที่บัญชีกับธนาคารอื่นสามารถรับเงินคืน และเบิกใช้ได้ภายใน 1 วันทำการเช่นเดียวกับลูกค้าที่มีบัญชีของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนี้ยังคงติดปัญหาในหลายส่วน ทั้งเรื่องของค่าธรรมเนียมระหว่างธนาคารที่ค่อนข้างสูง และระบบการจัดการในแต่ละธนาคารที่อาจไม่เหมือนกัน ทำให้ยากลำบากในการคำนวณเอ็นเอวีมาเป็นเงินคืนให้แก่นักลงทุน
“มันคอนข้างยุ่งยาก เพราะธนาคารแต่ละแห่งมีขั้นตอนไม่เหมือนกัน ยิ่ง4-5 แบงก์มันก็ยิ่งเยอะ เราต้องดูรายละเอียดก่อนว่าจะต้องทำอย่างไร แต่กำลังดูอยู่เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ถึงแม้จะเป็นลูกค้าแบงก์กรุงศรี แต่ก็ยังมีความพยายามให้ทำได้หลายแบงก์เหมือนกัน”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า กองทุนมันนี่มาร์เก็ตของบริษัทตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นถึงกว่า 7 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีสภาพคล่องสูง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลอย่างเดียว อย่าง พรีมาเวสท์ Fixincome แต่จะมีสภาพคล่องน้อยกว่าโดยจะจ่ายเงินคืนให้นักลงทุนคืนได้ในระยะเวลา T+2
สำหรับการที่กองทุนประเภทนี้ได้รับความสนใจในช่วงที่ผ่านมา คงไม่เกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวน จนทำให้นักลงทุนบ้างส่วนนำเงินมาพักในกองทุนประเภทนี้มากนัก และเชื่อว่าในอนาคตสินทรัพย์สุทธิของกองทุนประเภทนี้คงจะไม่ลดลงหากตลาดหุ้นมีการปรับตัวดีขึ้นด้วย
“ลูกค้าในกองทุนนี้ของเราส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเงินฝากของธนาคารกรุงศรี ซึ่งจะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่นำเงินจากตลาดหุ้นมาพัก และเชื่อว่าหากตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นคงจะไมทำให้สินทรัพย์ของกองทุนนี้ลดลง”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า นอกจากกองทุนมันนีมาร์เก็ต และกองทุนตราสารหนี้แล้ว ทางบริษัทได้เตรียมที่จะออกกองทุนอื่นๆ เพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างเช่น กองทุนต่างประเทศ ส่วนกองทุนหุ้นนั้นยังไม่มีแผนว่าจะตั้งเพิ่มอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตามกองทุนส่วใหญ่ในครึ่งปีหลังน่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก โดยหากเป็นกองทุนในประเทศจะมีกองโรว์โอเวอร์รองรับอยู่แล้ว ส่วนที่จะยาวออกมาหน่อยจะเป็นกองตราสารหนี้ประมาณ 1 ปี โดยมั่นใจว่า ถึงแม้ดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่สำหรับพันธบัตรอายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยคงจะยังไม่ปรับขึ้นเท่ากับผลตอบแทนที่ตราไว้ในพันธบัตรระยะนี้
นายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางบริษัทได้ทำการปรับลดระยะเวลาการรับเงินในการขายคืนหน่วยลงทุนของกองทุนเปิดกรุงศรี-พรีมาเวสท์ มันนี่ (KPM) เพื่อให้นักลงทุนได้รับเงินฉับไวมากขึ้นใน 1 วันทำการ (T+1)
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะต้องมีบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เท่านั้นถึงจะถอนเงินได้ทันทีตั้งแต่ 06.00 น. หลังจากวันขายคืนหน่วยลงทุน ส่วนลูกค้าที่มีบัญชีกับธนาคารพาณิชย์อื่นจะต้องรอในวันทำการถัดไปคือ T+2
สำหรับกองทุนี้ จะมีนโยบายลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย และตราสารแห่งหนี้ ตราสารการเงินที่ออก รับรอง รับอาวัล หรือค้ำประกันโดยสถาบันการเงิน หรือธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของกองทุน ณ วันที่ 31 พฤษภาคม 2551 มีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 2.8% ย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 2.79%ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 2.75%
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า การจ่ายเงินให้กับลูกค้าของกองทุนนี้ จะมีปรับปรุงอีกในอนาคต เพื่อให้ลูกค้าที่บัญชีกับธนาคารอื่นสามารถรับเงินคืน และเบิกใช้ได้ภายใน 1 วันทำการเช่นเดียวกับลูกค้าที่มีบัญชีของธนาคารกรุงศรีอยุธยา
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนี้ยังคงติดปัญหาในหลายส่วน ทั้งเรื่องของค่าธรรมเนียมระหว่างธนาคารที่ค่อนข้างสูง และระบบการจัดการในแต่ละธนาคารที่อาจไม่เหมือนกัน ทำให้ยากลำบากในการคำนวณเอ็นเอวีมาเป็นเงินคืนให้แก่นักลงทุน
“มันคอนข้างยุ่งยาก เพราะธนาคารแต่ละแห่งมีขั้นตอนไม่เหมือนกัน ยิ่ง4-5 แบงก์มันก็ยิ่งเยอะ เราต้องดูรายละเอียดก่อนว่าจะต้องทำอย่างไร แต่กำลังดูอยู่เหมือนกัน ซึ่งตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ถึงแม้จะเป็นลูกค้าแบงก์กรุงศรี แต่ก็ยังมีความพยายามให้ทำได้หลายแบงก์เหมือนกัน”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า กองทุนมันนี่มาร์เก็ตของบริษัทตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยมีสินทรัพย์สุทธิเพิ่มขึ้นถึงกว่า 7 พันล้านบาท และเชื่อว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากมีสภาพคล่องสูง
นอกจากนี้ บริษัทยังมีกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลอย่างเดียว อย่าง พรีมาเวสท์ Fixincome แต่จะมีสภาพคล่องน้อยกว่าโดยจะจ่ายเงินคืนให้นักลงทุนคืนได้ในระยะเวลา T+2
สำหรับการที่กองทุนประเภทนี้ได้รับความสนใจในช่วงที่ผ่านมา คงไม่เกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นที่มีความผันผวน จนทำให้นักลงทุนบ้างส่วนนำเงินมาพักในกองทุนประเภทนี้มากนัก และเชื่อว่าในอนาคตสินทรัพย์สุทธิของกองทุนประเภทนี้คงจะไม่ลดลงหากตลาดหุ้นมีการปรับตัวดีขึ้นด้วย
“ลูกค้าในกองทุนนี้ของเราส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเงินฝากของธนาคารกรุงศรี ซึ่งจะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่นำเงินจากตลาดหุ้นมาพัก และเชื่อว่าหากตลาดหุ้นปรับตัวดีขึ้นคงจะไมทำให้สินทรัพย์ของกองทุนนี้ลดลง”นายเพิ่มพลกล่าว
นายเพิ่มพล กล่าวอีกว่า นอกจากกองทุนมันนีมาร์เก็ต และกองทุนตราสารหนี้แล้ว ทางบริษัทได้เตรียมที่จะออกกองทุนอื่นๆ เพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลัง อย่างเช่น กองทุนต่างประเทศ ส่วนกองทุนหุ้นนั้นยังไม่มีแผนว่าจะตั้งเพิ่มอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตามกองทุนส่วใหญ่ในครึ่งปีหลังน่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้เป็นหลัก โดยหากเป็นกองทุนในประเทศจะมีกองโรว์โอเวอร์รองรับอยู่แล้ว ส่วนที่จะยาวออกมาหน่อยจะเป็นกองตราสารหนี้ประมาณ 1 ปี โดยมั่นใจว่า ถึงแม้ดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่สำหรับพันธบัตรอายุ 1 ปี อัตราดอกเบี้ยคงจะยังไม่ปรับขึ้นเท่ากับผลตอบแทนที่ตราไว้ในพันธบัตรระยะนี้